ปักหมุดวิสัยทัศน์ แล้วไปด้วยกัน

ไม่ว่าจะทำอะไรขอให้เรามีจุดมุ่งหมายในใจ ทุกก้าวเดินของเราก็จะมีความหมายมากขึ้น
แน่นอนมันทำให้เราต้องกลับมาประเมินศักยภาพและความสามารถของตัวเอง อะไรที่เรายังทำได้ไม่ดีแต่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการมุ่งไปสู่จุดหมาย ก็จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้น การทำธุรกิจถ้าไร้ซึ่งจุดหมายที่ทุกคนในองค์กรรับรู้และเข้าใจตรงกัน การจะขับเคลื่อนทั้งองค์กรให้ไปในทิศทางเดียวกัน ก็เป็นเรื่องที่ยากและดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
การที่ผู้บริหารนั่งล้อมวงและพิจารณาร่วมกันถึงความท้าทายเชิงกลยุทธ์ (Strategic challenge) ซึ่งเป็นเหมือนแรงผลักดันที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ ต่อโอกาสที่องค์กรจะประสบความสำเร็จในอนาคต จะเป็นก้าวสำคัญต่อการปักหมุดจุดหมายใหม่ในอนาคต
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ ภายนอก อาทิ
- ตำแหน่งการแข่งขันในอนาคตขององค์กร
- ความคาดหวังของลูกค้าและตลาด
- การเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเทคโนโลยี
- ความเสี่ยงด้านการเงิน
- ความเปลี่ยนเปลงด้านสังคม พฤติกรรม ความคิด และการใช้ชีวิต
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ ภายใน อาทิ
- ความสามารถขององค์กร ทรัพยากรบุคคล และทรัพยากรอื่นๆ
- การเปลี่ยนผ่านจากการผลิตแบบใช้แรงงานเป็นหลัก มาสู่การผลิตกึ่งอัตโนมัติ และเป็นระบบอัตโนมัติในกระบวนการหลักในที่สุด
- การเปลี่ยนจากองค์กรที่เป็นเอกสาร มาเป็นองค์กรดิจิตัลแบบไร้เอกสาร และสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์เป็นสำคัญ
อย่าให้ปีนี้ผ่านเลยไป แล้วไปเริ่มต้นเผชิญปัญหาใหม่ๆอยู่ร่ำไป ใช้เวลาในไตรมาสสุดท้าย ระดมสมองของคนในองค์กร ร่วมด้วยช่วยกัน เตรียมการวางแผนเพื่ออนาคต เป็นองค์กรที่ยืดหยุ่นและปรับตัวรับได้กับทุกสถานการณ์เสมือนเป็นเรื่องธรรมดาปกติ เพราะต่อจากนี้การเปลี่ยนแปลง หรือ Change เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และการรับมือหรือจัดการกับการเปลี่ยนแปลง (Change management) ที่ดีที่สุดคือการที่เราเป็นผู้กำหนดสถานการณ์และเส้นทางที่เราเดิน แนวทางนี้เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบมีวิสัยทัศน์ (Vision) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงอีกแนวทางหนึ่งซึ่งเราไม่ได้เป็นผู้เลือก แต่หลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำไม่ได้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงโดยวิกฤต (Crisis)
ข้อแตกต่างของการเปลี่ยนแปลงทั้งสองคือ การเปลี่ยนแปลงโดยวิสัยทัศน์ มีระยะเวลา มีการเตรียมการ มีการคิดวิเคราะห์ถึงเป้าหมายที่จะไป และใช้ศักยภาพและความสามารถของเราให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ที่สำคัญไม่มีใครต้องเจ็บปวดหรือแยกทางโดยจำยอม แต่การเปลี่ยนแปลงโดยวิกฤติ ไม่มีเวลาให้คิด ให้หายใจ มีอย่างเดียวคือต้องทำ และต้องทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้อย่างเร็วที่สุด แน่นอนย่อมมีความเจ็บปวดและอาจต้องมีพนักงานบางส่วนต้องเสียสละออกไปจากองค์กร มาเริ่มกำหนดเส้นทางการทำธุรกิจด้วยตัวเรากันเองเถอะครับ
วิสัยทัศน์ ประกอบด้วย 3 คำถามสำคัญ คือ (1) เราทำอะไร เป็นการบอกถึงขอบเขตการดำเนินงาน หรือ scope of work(2) เราทำเพื่ออะไร บ่งบอกถึงเป้าหมายสูงสุด หรือ visionary goal และ (3) เราทำให้ใคร หมายถึง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือกลุ่มเป้าหมาย (sector) ทั้งนี้ประโยค (statement) ไม่ควรจะยาวเกินไปจนจำไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรสั้นจนขาดสาระสำคัญ แต่ต้องสื่อให้เห็นในสิ่งต่อไปนี้
-การเห็น ภาพความสำเร็จที่องค์กรต้องการจะเป็น หรือภาพลักษณ์ที่องค์กรต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ในอนาคต
- สะท้อนสิ่งที่เราให้ความสำคัญ และสื่อให้เข้าใจพันธกิจได้ดียิ่งขึ้น
-สอดคล้องกับค่านิยม และความรู้สึกอยากดีอยากได้ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงที่มุ่งเน้นไปยังอนาคต
วิสัยทัศน์จะเป็นเหมือนหัวรถจักรที่จะขับเคลื่อนตู้โดยสารทุกตู้ และเชื่อมต่อกันเป็นห่วงโซ่คุณค่า ไม่ต่างจากการจับมือให้มั่น แล้วไปด้วยกัน โดยมีประโยชน์ที่เห็นได้ชัด ดังนี้
-บอกทิศทางขององค์กรอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้ถือหุ้น คู่ค้า และลูกค้า
-กระตุ้นให้ทุกคนในองค์กรดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ง่ายแบบไม่ต้องออกแรงมาก หรือยากจนแทบเป็นไปไม่ได้
-ช่วยประสานการดำเนินงานของหน่วยงานในองค์กร เมื่อมีจุดหมายร่วมกัน การสานสัมพันธ์และสร้างพลังร่วม (synergy) ย่อมเกิดขึ้นได้ในทันที
ลองมาดูตัวอย่างวิสัยทัศน์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของโลกอย่าง Walmart ที่ว่า “To become the worldwide leader in retailing” กับพันธกิจที่บ่งบอกถึงสิ่งที่บริษัทส่งมอบและสร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นจากค้าปลีกทั่วไปคือ “To help people save money so they can live better” แม้ว่าในวันนี้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในโลกการค้ายุคดิจิตัล จนส่งผลกระทบต่อสาขาต่างๆ ก็ตาม นี่คือความท้าทายเชิงกลยุทธ์ที่มีนัยสำคัญยิ่งต่อทุกธุรกิจ
ถ้าอยากรู้ว่าบริษัทชั้นนำของโลกมีวิสัยทัศน์อย่างไร จึงผลักดันให้บริษัทเหล่านี้เข้าไปอยู่ในการจัดอันดับ Fortune 500 ได้ ลองเข้าไปหยิบรายชื่อบริษัทที่คุณสนใจและชื่นชอบ แล้วคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ของแต่ละบริษัท อ่าน พิจารณา และลองศึกษาเทียบเคียงกับสิ่งที่ผู้บริหารและพนักงานในบริษัทนั้นปฏิบัติ เชื่อว่าเราจะได้คำตอบอะไรบางอย่าง ที่จะมาช่วยจุดประกายความคิดในการกำหนดวิสัยทัศน์องค์กรกันครับ







