ยักยอกหุ้น

ในการจัดตั้งบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือออกหุ้นให้กันเสร็จ
จนครบจำนวนหุ้นที่จะจดทะเบียน จึงนัดประชุมผู้ถือหุ้นจัดตั้งบริษัท และดำเนินการตามขั้นตอนจนจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สำหรับการชำระค่าหุ้นงวดแรก จะชำระเพียงร้อยละยี่สิบห้าก่อนก็ได้
เงินค่าหุ้นส่วนที่ยังชำระไม่ครบ กรรมการจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นชำระเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะมีมติเป็นอย่างอื่น โดยกรรมการต้องมีหนังสือส่งลงทะเบียนไปรษณีย์แจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 21 วัน ถ้ามีหนังสือเรียกไปครั้งแรกยังไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด กรรมการจะส่งหนังสือเรียกให้ชำระค่าหุ้นไปอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง โดยให้เวลาพอสมควรก็ได้ และให้แจ้งด้วยว่าถ้ายังไม่ชำระ หุ้นนั้นจะถูกริบ ทั้งนี้หุ้นที่ถูกริบให้เอาขายทอดตลาด
บริษัทจำกัด มีหน้าที่ต้องจัดทำใบหุ้น คือใบสำคัญสำหรับหุ้น โดยจะทำหนึ่งใบต่อหนึ่งหุ้น หรือต่อหลายหุ้นก็ได้แล้วแต่จะบุไว้ มอบให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน โดยออกเป็นใบหุ้นให้แก่ผู้ถือก็ได้ ถ้าข้อบังคับกำหนดให้ออกได้ แต่ต้องชำระค่าหุ้นครบแล้ว หรือจะออกเป็นใบหุ้นระบุชื่อผู้ถือก็ได้
หุ้นของบริษัทสามารถโอนกันได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบริษัท เว้นแต่เป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นซึ่งมีข้อบังคับของลริษัทกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น สำหรับวิธีการโอนหุ้นนั้นถ้าเป็นหุ้นออกให้ผู้ถือ ก็เพียงส่งมอบใบหุ้นก็เป็นอันสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อผู้ถือลงในใบหุ้น จะต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน และมีพยานอย่างน้อยหนึ่งคนลงชื่อรับรองด้วย การโอนหุ้นที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญํตินี้ จะมีผลทำให้การโอนเป็นโมฆะ
บริษัทต้องมีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งต้องมีรายการ โดยสรุปคือ ชื่อของผู้ถือหุ้นแต่ละคน จำนวนหุ้น หมายเลขหุ้นที่ถือ จำนวนเงินที่ชำระแล้ว วันเดือนปีที่ลงทะเบียนของผู้ถือหุ้นแต่ละราย วันเดือนปีที่ผู้ถือหุ้นพ้นจากการเป็นผู้ถือหุ้น เลขหมายหุ้นและวันที่ที่ออกใบหุ้นให้แก่ผู้ถือ วันที่ได้ยกเลิกใบหุ้น ทั้งนี้กฎหมายให้สันนิษฐานว่าสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นนั้นเป็นพยานหลักฐานอันถูกต้อง
จากบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทจำกัด ดังกล่าวข้างต้น อาจสรุปได้ว่า การที่บุคคลใดจะมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท พิจารณาได้จากการเป็นผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นของบริษัท เมื่อเริ่มจัดตั้งบริษัท หรือซื้อหุ้นที่ถูกริบจากการขายทอดตลาด หรือรับโอนหุ้นมาจากผู้ถือหุ้นโดยถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะมีรายละเอียดบันทึกไว้ที่สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น
อันเนื่องจากใบหุ้นเป็นเอกสารสิทธิ์ชนิดหนึ่ง การครอบครองใบหุ้นซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์โดยเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันห้าปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในใบหุ้นนั้น โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 (คำพิพากษาฎีกาที่ 2970/2522) นอกจากนี้ การลักใบหุ้นหรือการยักยอกใบหุ้นซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีตัวตน ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
นอกเหนือจากบริษัทต้องมีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1139 ยังบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของกรรมการบริษัทต้องส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่ยังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในช่วงที่มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ไปยังนายทะเบียนปีละหนึ่งครั้ง ซึ่งในทางปฏิบัติจะใช้แบบบัญชีรายชื่อที่นายทะเบียนกำหนดคือ แบบ บธ.5 โดยปกติบริษัทจะส่งพร้อมการส่งงบการเงินประจำปี
จากการที่กรรมการบริษัทมีหน้าที่ต้องส่งบัญขีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าว ก็ปรากฏว่ามีกรรมการที่ทุจริตแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นตามอำเภอใจ ตัดชื่อผู้ที่เป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริงออก แล้วใส่ชื่อตนเองหรือพรรคพวกตนเองเป็นผู้ถือหุ้นแทน เช่นนี้จะเป็นความผิดฐานใด มีคดีที่ผู้ถือหุ้นได้ฟ้องกรรมการว่ายักยอกทรัพย์ ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 13089-13090/2558 วินิจฉัยว่า ความผิดฐานยักยอกตาม ป.อ. มาตรา 352 นั้น ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งการกระทำที่ผู้กระทำความผิดครอบครองอยู่จะต้องเป็นวัตถุที่มีรูปร่าง หรือจับต้องสัมผัสได้
แต่หุ้นตามฟ้องเป็นเพียงสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสิทธิและหน้าที่ หรือส่วนได้เสียของโจทก์ร่วมทั้งสองที่มีอยู่ในบริษัทจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จะเบียดบังยักยอกได้ ทั้งปรากฏว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นเพียงการยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อนายทะเบียนเท่านั้น ยังหามีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในหุ้นของโจทก์ร่วมทั้งสองไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสามตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
ข้อสังเกต คดีตามคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวมิใช่เป็นการยักยอกใบหุ้น เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นตามอำเภอใจ ซึ่งศาลฎีกาก็ได้วินิจฉัยว่าไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ของหุ้น อันสอดคล้องกับหลักการการเป็นผู้ถือหุ้นตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าว น่าจะเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน




