รู้จักคาซัคสถาน

ภายหลังที่ไทยได้พ่ายแพ้ต่อคาซัคสถานในการช่วงชิงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประเภทสมาชิก
ไม่ถาวรไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการสอบถามค้นหาข้อมูลกันอย่างกว้างขวาง ทั้งทางอินเทอร์เน็ตหรือการสอบถามด้วยวาจา ผู้รู้ต่างๆmก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อทั้งหลาย ทำให้คนไทยเรามีรู้จักคาซัคสถานมากขึ้นกว่าที่เคยรู้ว่ามีนักมวยสมัครเล่นที่ติดอันดับโลกและมีทีมวอลเลย์บอลอยู่ในระดับแนวหน้า ผมจึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับคาซัคสถานมาเสนอเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
คาซัคสถานนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐคาซัคสถาน (Republic of Kazakhstan) มีที่ตั้งอยู่ในเขตเอเชียกลาง ทางตอนกลางของที่ราบยูเรเซีย ระหว่างรัสเชียและอุซเบกิสถาน ซึ่งเราสามารถนึกภาพได้คร่าวๆ คืออยู่ใกล้กับเทือกเขาอัลไตที่คนไทยบางคนยังเชื่อว่า บรรพบุรุษของเรามาจากที่นั่น มีพื้นที่ 5 เท่าของไทย ประชากร 17.7 ล้านคน เมืองหลวงคือกรุงอัสตานา
ภูมิอากาศเป็นทะเลทรายแบบภาคพื้นทวีป ฤดูหนาวหนาวจัด -18 ถึง -40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนร้อนจัดและแห้ง 20-35 อาศาเซลเซียส ประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม 70.2% (ส่วนใหญ่นับถือนิกายสุหนี่) คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ 26.2% อเทวนิยม 2.8% อื่นๆ 0.7%
คาซัคสถานมีระบบการเมืองกึ่งประธานาธิบดีและกึ่งรัฐสภา เฉกเช่นประเทศทั้งหลายที่แยกตัวจากอดีตสหภาพโซเวียตมีประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เป็นประมุขที่มีอำนาจมากโดยเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และสามารถยับยั้ง (veto) กฎหมายที่ผ่านรัฐสภามาแล้วได้ อยู่ในวาระละ 7 ปี โดยมีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งประธานาธิบดี Nazarbayev นั้นเป็นอดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งคาซัคสถานตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตและได้รับเลือกดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถานตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบัน
นับตั้งแต่แยกตัวจากสหภาพโซเวียต คาซัคสถานได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเป็นกลางทางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ ส่งเสริมนโยบายต่างประเทศรอบด้าน ซึ่งให้ความสำคัญกับรัสเซีย จีน สหรัฐ และสหภาพยุโรป เป็นหลัก รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเอเชียและตะวันออกกลางด้วยขยายความสัมพันธ์มายังประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเข้าเป็นสมาชิก Asia Cooperation Dialogue (ACD) Asia - Europe Meeting (ASEM) และยังสนใจสมัครเป็นสมาชิก ASEAN Regional Forum (ARF)
คาซัคสถานได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิก World Trade Organization (WTO) อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ส่วนองค์กรอื่นๆ ที่คาซัคสถานเป็นสมาชิก ได้แก่ Shanghai Cooperation Organization (SCO), Commonwealth of Independent States (CIS), Organization for Security and Cooperation in Europe (OSCE) และ Organisation of Islamic Cooperation (OIC) นอกจากนี้ คาซัคสถานยังเป็นผู้ก่อตั้งการประชุมระหว่างประเทศอย่าง Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia (CICA) อีกด้วย
ประธานาธิบดี Nazarbayev เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งองค์การความร่วมมืออิสลามเพื่อความมั่นคงทางอาหารภายใต้ OIC โดยมีสำนักงานใหญ่ ณ กรุงอัสตานา ซึ่งได้จัดประชุมสมัชชาทั่วไปเมื่อวันที่ 26-27 เมษายน 2559 นอกจากนี้ เมืองอัลมาตี ยังได้รับเลือกจาก Islamic International Educational, Cultural and Scientific Organization ให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมอิสลามแห่งปี 2558
สำหรับบทบาทของคาซัคสถานในองค์กรระหว่างประเทศนั้น โดยดำรงตำแหน่งประธาน OSCE ในปี 2553 และประธาน SCO ระหว่าง 2553-2554 ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศหุ้นส่วนความร่วมมือแห่งเอเชียใน OSCE ปี 2554 ดำรงตำแหน่งประธาน OIC ในปี 2554-2555 และดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มประเทศ CIS ปี 2558 นอกจากนี้ คาซัคสถานได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพงาน EXPO ปีหน้า (2017)
หลายปีที่ผ่านมา คาซัคสถานได้ยกสถานะของตนในเวทีระหว่างประเทศอย่างมาก อาทิ การเป็นเจ้าภาพการเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในซีเรียเมื่อปี 2558 การจัดตั้งธนาคารเชื้อเพลิงยูเรเนียมพลังงานต่ำของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA Low Enriched Uranium Bank) ซึ่งเป็นการเน้นย้ำนโยบายของคาซัคสถานในเรื่องการลดอาวุธนิวเคลียร์ การเป็นเจ้าภาพจัด Retreat for the Landlocked Developing Countries (LLDCs) เมื่อปี 2557
นอกจากนั้นคาซัคสถานได้ริเริ่มการจัดประชุม The Congress of Leaders of World and Traditional Religions ตั้งแต่ปี 2546 เพื่อเป็นเวทีเสวนาระหว่างกลุ่มศาสนาต่าง ๆ และส่งเสริมขันติธรรมของการอยู่ร่วมกันอีกด้วย
ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Nazarbayev ได้แถลงนโยบายการต่างประเทศต่อการประชุมประจำปีของคณะผู้แทนทางการทูตต่างประเทศประจำคาซัคสถาน ว่าหวังผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการระงับข้อพิพาทการพัฒนา Plan of Global Strategic Initiative และการลดอาวุธ โดยคาซัคสถานสนับสนุนการปฏิบัติการเชิงรุกในการต่อต้านการสะสมอาวุธ และวางนโยบายให้ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งการลดอาวุธนิวเคลียร์ของมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้ คาซัคสถานก็ได้รับการรับการสนับสนุนจากทุกประเทศให้เป็นสมาชิกไม่ถาวร UNSC ในวาระ ค.ศ. 2017-2018
จะเห็นได้ว่าการที่คาซัคสถานได้รับเลือก ทั้งๆ ที่ในสายตาขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหลายต่างมองว่าคาซัคสถานนั้นก็มีปัญหาที่เลวร้ายไม่ยิ่งไปกว่าไทยสักเท่าใด แต่การที่เขาได้รับเลือกเป็นเพราะผลงานด้านยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศที่สั่งสมมาโดยตลอดนั่นเอง
---------------
หมายเหตุ ขอขอบคุณข้อมูลทั่วไปบางส่วนจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา และกองเอเชียใต้และเอเชียกลาง กระทรวงการต่างประเทศ







