‘ใครได้ ใครเสีย’ จากการก่อการร้ายที่ออร์แลนโด้

‘ใครได้ ใครเสีย’ จากการก่อการร้ายที่ออร์แลนโด้

ตั้งแต่บารัค โอบามา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมา 7 ปีครึ่ง เกิดการก่อการร้ายในรูปแบบสังหารหมู่ภายใน

ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว รวมทั้งหมด 24 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่บาร์ของชาวเกย์ Pulse ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริด้า ที่ถือว่าเป็นการฆาตกรรมหมู่ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เพราะว่ามีผู้เสียชีวิต 50 คน และบาดเจ็บอีก 53 คน จากฝีมือของฆาตกรที่ชื่อว่า โอมาร์ มาทีน วัย 29 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกานิสถาน

สำหรับการก่อการร้ายแบบสังหารหมู่ตั้งแต่โอบามาเป็นประธานาธิบดี มีสาเหตุมาจากทั้งจากโรคเครียดหรือโรคจิตของฆาตกร เรื่องปัญหาครอบครัว ปัญหาผิวสี ปัญหาด้านศาสนาที่เกี่ยวข้องกับคนมุสลิม ล่าสุดมีความพยายามจะโยงว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับไอซิส (กลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย) ท่ามกลางความพยายามของโอบามาที่จะลิดรอนสิทธิพื้นฐานตามมาตรา 2 ที่แก้ไขแล้วของรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้คนอเมริกันที่สามารถครอบครองอาวุธหรือพกพาอาวุธปืนได้

การก่อการร้ายฆาตกรรมหมู่ที่บาร์เกย์ Pulse ที่เมือง Orlando จะมีสาเหตุที่แท้จริงอย่างไร สุดที่เราจะรู้ได้ แต่เราสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า มีใครบ้างที่ได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์อย่างไรกัน

คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ นาย Donald Trump ผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรครีพับลิกัน เขาหาเสียงให้มีการยกเลิกวีซ่ากับคนมุสลิม จนกว่าสหรัฐจะมีมาตรการเพียงพอในการดูแลปัญหาการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุร้ายที่บาร์เกย์ Pulse นายทรัมป์คงคิดในใจว่า เห็นหรือเปล่า บอกแล้วไม่เชื่อ เพราะว่าฆาตกรหรือผู้ก่อการร้ายคือนายโอมาร์ มาทีน วัย 29 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกานิสถาน

ทรัมป์ทวิตข้อความว่า โอบามาต้องประนามว่านี่เป็นการกระทำของมุสลิมหัวรุนแรง (radical muslim) ถ้าโอบามาไม่ใช้คำประนามคนมุสลิมหัวรุนแรง เขาควรลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ถือโอกาสโจมตีฮิลลารี่ คลินตัน ต่อว่าเธอต้องใช้คำว่ามุสลิมหัวรุนแรงด้วย มิเช่นนั้นเธอควรยกเลิกการสมัครแข่งขันหาเสียงเพื่อตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

โอบามาก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน เพราะว่านโยบายของโอบามาซึ่งเขาพยายามล้มกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้คนอเมริกันสามารถครอบครองอาวุธปืนร้ายได้ กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่เปลี่ยนแปลงแล้วให้สิทธิแก่คนอเมริกันที่จะซื้ออาวุธปืน หรือพกพาฟืนอย่างเสรี เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง เมื่อเร็วๆ นี้ศาลสูงสุดสหรัฐเพิ่งจะมีคำตัดสินเข้าข้างโอบามาว่า การพกพาปืนในที่สาธารณะถือว่าผิดกฎหมาย โอบามาพูดตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในประเทศว่า การครอบครองหรือซื้อหาอาวุธได้ง่ายเป็นปัญหาที่นำมาสู่การฆาตกรรมสังหารหมู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

เพนตากอนหรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ประโยชน์จากการสังหารหมู่บาร์เกย์ Pulse เพราะว่ามีความพยายามที่จะโยงใยว่านายโอมาร์ มาทีน เป็นมุสลิมหัวรุนแรง นิยมพวกไอซิส ที่ผ่านมาเพนตากอนกำลังหาทางที่จะขยายการทำสงครามในตะวันออกกลางเพื่อรบกับพวกไอซิส แต่คนอเมริกันเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว การก่อการร้ายของนายโอมาร์ มาทีน ทำให้คนอเมริกันเห็นว่าไอซิสเป็นเรื่องใกล้ตัวแล้ว

นอกจากนี้ อังกฤษกำลังจะโหวตประชามติ Brexit ว่าจะอยู่หรือจะลาออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ประเด็นใหญ่ที่ทำให้คนอังกฤษส่วนมากตามโพลล์ล่าสุดต้องการออกจากอียูคือ กลัวการควบคุมการอพยพเข้าอังกฤษของผู้ลี้ภัยมุสลิมไม่ได้ เพราะว่าอียูล้มเหลวในการจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยมุสลิมจากตะวันออกกลาง ฝ่ายสนับสนุน Brexit ให้ออกจากอียูจะได้ประโยชน์จากการสังหารหมู่ที่บาร์เกย์ Pulse

ส่วนฝ่ายที่เสียประโยชน์คือมุสลิมที่ถูกสร้างภาพว่าเป็นส่วนหนึ่งของการก่อการร้าย ไม่ว่าจะเชื่อมโยงกับไอซิสหรือไม่ก็ตาม หรือมีการเล่นข่าวเชื่อมโยงว่าศาสนาอิสลามไม่เห็นด้วยกับการรักร่วมเพศยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมโลก

และแน่นอนคนอเมริกันที่ไม่รู้อิเหน่อิเหน่โดยรวมจะเสียประโยชน์ เพราะว่าขวัญเสียจากเหตุการณ์ก่อการร้ายบาร์เกย์ อารมณ์ความรู้สึกคือชีวิตไม่ปลอดภัยมากขึ้นอีกแล้ว เพราะว่าไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายเมื่อใด

สุดท้ายคนอเมริกันสวนใหญ่ที่ต้องการรักษาสิทธิพื้นฐานในการครอบครองหรือพกพาอาวุธปืน จะเสียประโยชน์จากเกตุการณ์ครั้งนี้ เพราะว่าจะโดนริบปืนหรือห้ามพกพาปืน

 เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่เพราะว่าโอบามากำลังจะล้มรัฐธรรมนูญข้อนี้