อะไรคือทักษะคนไทย ในศตวรรษ 21?

ช่วงหลังนี้ผมเข้าไปร่วมตั้งวงเสวนาเรื่อง “สร้างคน” หรือ “ทุนมนุษย์”
หรือ “ทรัพยากรมนุษย์” เพื่อสังคมไทยในวันนี้และวันข้างหน้าเพราะเห็นว่าหากเราล้มเหลวเรื่องนี้ เรื่องอนาคตบ้านเมืองก็ไม่ต้องพูดกัน
หนึ่งในหัวข้อสำคัญของการสร้างคนคือ “ทักษะคนไทยในศตวรรษที่ 21” ซึ่งมาพร้อมกับถามที่ว่าเราจะต้องสอนอะไรเด็กไทยวันนี้ เพื่อให้โตมาเป็น “พลังสร้างชาติ” ที่สามารถแข่งขันกับคนอื่น ๆ ในเวทีระหว่างประเทศให้ได้
เพราะหากระบบการศึกษาของไทยยังเป็นอย่างที่เป็นอยู่ อนาคตของประเทศชาติ ก็จะมืดมนเพราะคนอื่นเขาลงทุนลงแรง เรื่องทรัพยากรมนุษย์อย่างคึกคักและวัดผลกันได้อย่างจริงจัง
ยิ่งในโลกที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รุนแรงและหนักหน่วงเช่นนี้ การสร้างคนที่มีลักษณะที่สอดคล้องกับความท้าทายใหม่ๆ ก็ยิ่งมีความสำคัญต่อการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Smart Nation, Smart People
หมายถึงคนเก่ง ฉลาด มีศีลธรรมเพื่อสร้างชาติที่เฟื่องฟู ก้าวหน้าและสันติ
แน่นอนว่าเป้าหมายของชาติคงไม่ใช่เพียงแค่ “อ่านออก เขียนได้” เท่านั้น หากแต่สิ่งที่ขาดแคลนอย่างยิ่งสำหรับระบบการศึกษาของเด็กไทยคือ “ความคิดวิเคราะห์” หรือ critical thinking
ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับ “ความสามารถในการแก้ปัญหา” หรือ problem-solving
การจะคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาได้ ก็จะต้องรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่กำลัง “สร้างความปั่นป่วน” (disrupt) กระบวนการทำงานของอาชีพเกือบทุก ๆ ด้านด้วยอัตราความเร็วและความรุนแรงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
การ “สร้างคน” จึงต้องเน้นเรื่องทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (creativity & innovation) ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากในบรรยากาศการเรียนการสอนของไทยเราทุกวันนี้
แม้จะมีแนวทาง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” หรือเน้นการสอนให้ “คิดเป็น ทำเป็น” นั่นก็เป็นเพียงนโยบายกว้าง ๆ ที่ไม่อาจจะบรรลุเป้าหมายได้หากไม่สามารถแปรหลักการเป็นภาคปฏิบัติ
ปัจจัยที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงจะต้องมาจากคุณภาพของครูซึ่งต้องเข้าใจ ปฏิบัติและต้องสื่อสารต่อไปถึงนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทครูไม่ใช่ “ผู้สอน” อีกต่อไป หากแต่ต้องเป็นทั้ง “โค้ช” และ “ที่ปรึกษา” ของนักเรียนที่สามารถจะแสวงหาข้อมูลและความรู้จาก social media ที่มีความหลากหลาย ซับซ้อนและไร้ระเบียบมากจนต้องพึ่งพา “ครูผู้นำทาง” ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
ทักษะของคนไทยในศตวรรษที่ 21 เท่านี้ยังไม่พอ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากคือการทำให้คนไทย “คิดแบบสากล ทำแบบท้องถิ่น” (think globally, act locally) อันหมายถึงการที่จะต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ และฝึกปรือแนวทางวัฒนธรรมและกระบวนความคิดของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะที่แตกต่างไปจากของไทยเรา
คนไทยยังไม่พร้อมจะฉีกตัวเองออกจากความเคยชินแบบเก่า ๆเพราะยังต้องการความสบาย ๆ แบบเดิม ๆ ที่เรียกว่า “comfort zone” ของตัวเอง
คนไทยอีกจำนวนไม่น้อย หากได้รับมอบหมายให้ไปประจำต่างประเทศ จะพยายามปฏิเสธหรือรับด้วยความไม่เต็มใจ เพราะการทำงานต่างประเทศหมายถึงการปรับตัว การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการต้องแก้ปัญหาในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย
ต่างกับคนรุ่นใหม่สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์และอีกหลายประเทศที่เจริญแล้วที่ดิ้นรน แสวงหาโอกาสที่จะไปทำงานต่างประเทศเพื่อสั่งสมประสบการณ์ และสร้างความได้เปรียบเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น
นวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไม่อาจจะเกิดขึ้นตราบเท่าที่คนไทยรุ่นใหม่ของเรายังไม่พร้อมจะออกจาก “เขตปลอดภัย” ของตนเอง
เพราะคนไทยในศตวรรษที่ 21 จะไม่ใช่แข่งขันกันระหว่างคนกรุงเทพฯกับต่างจังหวัด หรือเด็กจบจุฬาฯ ธรรมศาสตร์กับมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดอีกต่อไป
เพราะคนเก่งที่สุดของเราต้องแข่งกับสิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า อินโดฯ เวียดนามในทุกสนามทุกวิชาชีพแล้ว!







