MICE โอกาสของกลุ่มเมืองท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน (1)

อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) หรืออุตสาหกรรมจัดประชุมนิทรรศการเป็นธุรกิจหลักธุรกิจหนึ่งของการท่องเที่ยวไทย
ที่สร้างรายได้สูงเกือบแสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวไมซ์นานาชาติจะมีค่าใช้จ่ายต่อทริปค่อนข้างสูงประมาณ 80,000 บาท/ครั้ง โดยมีการจัดนิทรรศการเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มากที่สุด ในปี 2559 ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยประมาณไว้ว่า ธุรกิจนี้จะขยายตัวเป็น 113,982 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี
ปัจจัยที่ทำให้ MICE เติบโตในไทย ได้แก่
1) มีแหล่งท่องเที่ยวน่าดึงดูดใจในระดับสูง
2) ความเป็น Hub หรือระบบโลจิสติกส์ที่ดีคือมีการคมนาคมที่เชื่อมโยงในภูมิภาคได้สะดวก
3) มีสถานที่จัดงานที่มีมาตรฐาน ดังนั้นหากพิจารณาในระดับประเทศ ไทยจึงมีศักยภาพในระดับประเทศสูงมากเพียงแต่ต้องพัฒนาให้มีทิศทางที่ชัดเจน และได้มาตรฐานโลกเช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ ที่รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนการจัดประชุมและนิทรรศการ ทำให้สิงคโปร์ขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งๆ ที่ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสิงคโปร์ไม่ได้ดีกว่ากรุงเทพฯ ปัจจุบันนอกจากสิงคโปร์แล้ว ไทยกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่มากขึ้นจากทั้งมาเลเซียและมาเก๊า
ตลาด MICE ระดับนานาชาติ เป็นลักษณะตลาดที่มีวัฏจักรอย่างชัดเจน โดยจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นประมาณ 5 ปี และขาลงประมาณ 3 ปี เพราะโดยปกติของผู้จัดงานจะไม่กลับไปที่เคยจัดแล้ว เนื่องจากการจัดงานต้องวนกันไปตามที่ต่างๆ โดยไม่อยากให้ซ้ำซาก ยกเว้น ประเทศที่เป็น Hub อย่างเช่นประเทศไทยที่มีความสะดวกและความพร้อมของสิ่งต่างๆ ที่สนับสนุน MICE ทำให้ผู้จัดงานสามารถจัดงานได้ง่ายจึงอาจกลับมาทุก 3-5 ปี ทั้งนี้การที่ประเทศไทยเป็น Hub ของ CLMV ทำให้จังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทยมีโอกาสทางการตลาดการประชุมมากขึ้นในกลุ่มประเทศเหล่านี้ในเบื้องต้น แล้วจึงค่อยขยับขึ้นไปเป็นตลาดของอาเซียน
ในปัจจุบันจังหวัดที่มีความพร้อมในเรื่องของ MICE สูงสุดในประเทศไทยรองจากกรุงเทพฯ คือ ภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Corporate meetingsจัดในโรงแรมห้าดาว เช่น โรงแรมฮิลตัน ภูเก็ต อาร์คาเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา และ เลอ เมอริเดียน ภูเก็ต บีช รีสอร์ท เป็นโรงแรมใหญ่ที่นิยมใช้ในการจัดประชุม
ข้อมูลที่จะนำเสนอในบทความจะแบ่งเป็น 2 ตอน จะเป็นการสรุปวิเคราะห์เปรียบเทียบปัจจัยที่สนับสนุนการจัด MICE ใน 4 จังหวัด ในภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน โดยให้ข้อเสนอด้านการพัฒนาท่องเที่ยวและการจัด MICE ซึ่งเป็นผลงานของสถาบันฯ จัดทำให้แก่สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่
ปัจจัยที่สนับสนุนอุตสาหกรรม MICE: พื้นฐานเศรษฐกิจต้องเข้มแข็ง
จังหวัดในภาคเหนือตอนบนทั้ง 4 จังหวัดมีความแตกต่างด้านรายได้ และความสำคัญด้านการท่องเที่ยวมาก โดยที่เชียงใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ คือมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product : GPP) ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าลำพูน ลำปาง 3 เท่า และใหญ่กว่าแม่ฮ่องสอนถึง 18 เท่า ซึ่งทำให้เชียงใหม่มีโครงสร้างเศรษฐกิจ สาธารณูปโภคพื้นฐานในการสนับสนุน MICE มีความสมบูรณ์และมาตรฐานสูงมากกว่าจังหวัดอื่นเป็นอันมาก โดยเฉพาะการแสดงสินค้า ซึ่งต้องอาศัยกำลังซื้อในท้องถิ่น และจังหวัดข้างเคียงด้วย
อย่างไรก็ดี แม้เชียงใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในภาคเหนือ แต่เมื่อเทียบกับในระดับประเทศแล้ว เชียงใหม่ก็ยังจัดอยู่ในลำดับที่ 15 เท่านั้น และเมื่อดู GPP ต่อหัว ก็ตกเป็นลำดับที่ 34 (ตารางที่1)
ปัจจัยที่สนับสนุนอุตสาหกรรม MICE: การรองรับของภาคเอกชนต้องพร้อม
นอกจากเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว มูลค่าเพิ่มด้านโรงแรมและภัตตาคารยังแสดงถึงความพร้อมและการพึ่งพิงภาคท่องเที่ยว พบว่า ในปี 2556 ขนาดของมูลค่าเพิ่มด้านภัตตาคารและโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตสูงกว่าเชียงใหม่ถึง 4 เท่า ส่วนชลบุรีซึ่งได้อานิสงส์จากภัตตาคารก็มีขนาดมูลค่าเพิ่มสูงกว่าเชียงใหม่ 2.28 เท่า เมื่อเทียบขนาดภาคเศรษฐกิจท่องเที่ยวของเชียงใหม่ก็ยังนับว่าเล็กกว่าภูเก็ตและชลบุรีมาก แต่หากเทียบกับ 3 จังหวัดในภาคเหนือตอนบนแล้ว (ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน) เชียงใหม่มีขนาดเศรษฐกิจท่องเที่ยวใหญ่กว่าและมีช่องว่างการพัฒนา (Development gap) ที่ห่างกันยิ่งกว่าขนาดทางเศรษฐกิจโดยรวมอีกกล่าวคือเชียงใหม่มีมูลค่าเพิ่มสาขาโรงแรมและภัตตาคารสูงกว่าแม่ฮ่องสอนและลำพูนถึง 76 เท่า แต่ลำปางมีขนาดใหญ่กว่าแม่ฮ่องสอนเพียง 2.8 เท่า และลำพูนกับแม่ฮ่องสอนมีขนาดเศรษฐกิจท่องเที่ยวใกล้เคียงกัน (ตารางที่2)
โอกาสการเป็น MICE จึงยังไม่สูงนักในภาคเหนือตอนบน เอาไว้คราวหน้าเรามาดูเรื่อง MICE กับศักยภาพท่องเที่ยวกันต่อนะคะ







