ต้องออกแบบการเรียนรู้ให้เป็น..จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเด

ผู้สอนบางท่านมีภาระงานมาก จนหลงลืมและละเลยการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียนที่ตนรับผิดชอบ
การออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เราจัดให้แก่ผู้เรียนนั้นไม่ยากหากตั้งใจทำ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความถนัดและความสนใจ การส่งเสริมให้มีผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาความสามารถในการเสาะแสวงหาความรู้ การนำความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเองอย่างเต็มที่
แต่ที่สำคัญมากสำหรับผู้เรียน Generation ME คือต้องออกแบบการเรียนรู้ที่ปลูกฝังความมีคุณธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นมากเท่าที่จะทำได้ เพราะเราขาดคุณธรรมจำเป็นมากในคนกลุ่มนี้
วิธีการสอนแบบเดิม เช่น การสอนแบบบรรยาย การสอนทักษะปฏิบัติ การสอนอภิปราย การสอนสัมมนา และการสอนโดยให้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง หากใช้ในสัดส่วนที่ไม่เหมาะสม ใช้แบบเดียวตลอดการเรียนการสอนในแต่ละวิชา ก็เหมือนการยัดเยียดการเรียนรู้สู่ผู้เรียน….
“เด็กก็ไม่อยากรู้ ครูก็ไม่อยากสอน” นี่คือจุดจบการศึกษาไทย
สถานศึกษาต้อง “ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน” อาทิ
ต้องจัดสมรรถนะของผู้เรียนในชั้นเรียนที่เราสอนให้ได้ว่าใครอยู่ระดับใด หรืออย่างน้อยจัดกลุ่มแบ่งผู้เรียนออกเป็นระดับให้ได้ ผู้สอนต้องรู้ว่าเราจะสอนอย่างไร โดยการย่อยเนื้อหาความรู้ลงให้แคบ หากเนื้อหามาก ก็แบ่งเป็นส่วนย่อย ระบุผลลัพธ์การเรียนรู้ให้ชัดเจน เรียบเรียงลำดับการสอน จากง่ายไปสู่ยากหรือจากพื้นฐานไปสู่การประยุกต์ ต้องทำให้ชั้นเรียนเหมือนการแสดงละครเวที สนุก น่าติดตาม สรุปง่ายที่สุดคือต้องรู้เขา รู้เรา และรู้เท่าทันสมรรถนะผู้เรียน
ต้องรู้ว่าผู้เรียนคิดอะไร เด็กบางคนชอบใส่อารมณ์ ใช้อารมณ์มาก่อนเหตุผล บางคนเลือกเรียนตามเพื่อน มีส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกแบบอนาคตมาตั้งแต่ต้น ผู้เรียนส่วนใหญ่อยากรู้ อยากจบการศึกษาแต่ไม่อยากเรียน ไม่ชอบคำว่าเรียน มุ่งหาความสนุกสนาน บันเทิง และเพื่อนสำคัญที่สุด
ต้องรู้ว่าผู้เรียนต้องการอะไร บางคนชอบเป็นผู้สื่อสารมากกว่าผู้รับสาร บางคนชอบทดลอง ชอบทำอะไรเองเพื่อการเรียนรู้ มีโลกส่วนตัวสูง ต้องการที่จะรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้และต้องการจะรู้ให้มากกว่าเพื่อน พวกนี้ต้องทั้งส่งเสริมและสอนเสริม
ต้องรู้ว่าผู้เรียนไม่ต้องการอะไร บางคนไม่ชอบให้ผู้ใหญ่ดุว่าอย่างไร้เหตุผล ไม่ชอบการดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ชอบความจำเจน่าเบื่อในกระบวนการเรียนการสอนแบบโบราณของผู้สอนยุคยัดเยียดความรู้ สถานการณ์เช่นนี้ก็จะพลอยทำให้เกิดพื้นที่อันตรายในห้องเรียนและสถานศึกษา บางคนสมาธิสั้น ไม่ชอบติดกรอบของกฎระเบียบที่มาก และบ่อยครั้งชอบออกนอกกฎ ผู้เรียนบางคนเกลียดการสอบวัดผลมากเพราะผลสอบจะแสดงออกมาถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมาสู่ตน ดังนั้นความต้องการของผู้เรียนบางอย่างจึงอันตรายมาก ถ้าไม่ตรงกับจริตผู้สอน
การออกแบบกระบวนการเรียนรู้จะมีส่วนสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้ประสบผลสำเร็จ ผู้สอนจึงต้องเริ่มจากการออกแบบตัวเอง ต้องเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น หมั่นสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองอย่างสม่ำเสมอด้วย
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น….
การใช้ความกระตือรือร้นและตื่นเต้น (Enthusiasm and Excitement) ช่วยในการสร้างบรรยากาศการเรียน เพราะผู้สอนจะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ผู้เรียนเองก็ตื่นเต้นด้วยครับ ผู้สอนต้องหาทางที่จะกระตุ้นหรือหล่อเลี้ยงความกระตือรือร้นและความน่าตื่นเต้นของตนเองให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เนื่องจากท่าทีในการสอนและการเรียนรู้ของผู้สอน จะส่งผ่านไปยังผู้เรียนทำให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ด้วย
ผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) เป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้สอนต้องพยายามสื่อสิ่งที่มุ่งหวังไปยังผู้เรียนว่า ความคาดหวังของผู้สอนและผลลัพธ์ที่ตั้งไว้คืออะไร การที่ผู้เรียนสามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่วางไว้ นั่นคือผลสำเร็จของการเรียนการสอน ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้สอนตั้งผลลัพธ์การเรียนรู้ไว้สูง ผู้เรียนก็จะมีแนวโน้มเกิดการเรียนรู้สูง ในทางตรงข้ามถ้าผู้สอนตั้งผลลัพธ์การเรียนรู้ต่ำเกินไป ผู้เรียนก็จะลดระดับการแสดงออกทางการเรียนของตนเองให้ต่ำลงไปด้วย
เปลี่ยนวิธีการออกคำสั่งให้เป็นเรื่องของการท้าทายความสามารถ (Challenging) เพราะผู้เรียนต้องการจัดตนเองอยู่ในกลุ่มที่มีความขยันหมั่นเพียรและเป็นคนสำคัญของครู
การสร้างความรับผิดชอบในการเรียน (Learning Responsibility) เป็นกิจกรรมที่สำคัญมากเพราะเป็นการฝึกจิตสาธารณะ (Public Mind) แบบไม่ต้องสอนเชิงทฤษฎี ผู้เรียนจะสนุกกับความรับผิดชอบที่ตนเองทำ เพราะผู้สอนแสดงให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง
เสริมแรงด้านบวก (Positive Reinforcement) ให้มากขึ้นๆ ถ้าเกิดความผิดพลาดแล้วผู้เรียนแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้สำเร็จ ผู้สอนจะต้องชมเพราะทักษะการแก้ปัญหาไม่ได้สร้างขึ้นง่ายๆ ในชั้นเรียน เราต้องเน้นการให้กำลังใจเมื่อพบผู้เรียนคนไหนประสบปัญหาหรือรู้สึกไม่สบายใจ ผู้สอนต้องมองหาจุดชมเชย จากการกระทำเล็กๆ น้อยๆ การพูดชมเชยเด็กและให้รางวัลแม้จะดูง่ายแต่ต้องมาในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม เพราะในวันที่เด็กประสบปัญหาหรือไม่สบายใจสิ่งดังกล่าวจะช่วยดึงผู้เรียนเรียนให้กลับมาสู่การเรียนรู้ได้ตามปกติ
เน้นการเรียนแบบร่วมมือ (Participation) และสร้างการทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้น ต้องย้ำให้เด็กคิดอยู่เสมอว่าการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันในทีมจะช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จกว่าการสร้างชิ้นงานเดี่ยวๆ ผู้เรียนจะมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงจูงใจซึ่งกันและกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทีม ผู้เรียนแต่ละคนจะมีความรู้สึกท้าทายเฉพาะตัว ซึ่งหากไม่มีสิ่งนี้จะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายของทีมได้เลย
ผู้สอนจำเป็นต้องฝึกทักษะการยึดและเคารพในกฎกติกา (Rules of Law) สร้างบรรยากาศห้องเรียนแห่งประชาธิปไตย ผู้เรียนต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่และไม่ทำร้ายเสียงส่วนน้อย การจัดการกับพฤติกรรมด้านลบของผู้เรียนบางทีต้องใช้โอกาสนี้ในการสอนเขาให้เข้าใจและยอมรับ
แค่ตัวอย่างครับ ผู้สอนต้องบูรณาการการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ การสอนแต่ละครั้งของครูจะต้องเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่และประทับใจเด็ก
ถ้าไม่ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนเดี๋ยวนี้
เราจะไม่มีวันเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของเด็กเด็ดขาด…..
--------------------
ผศ.กิตติภูมิ มีประดิษฐ์
ผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยศรีปทุม







