ว่าด้วย Foreshock, Mainshock และ Aftershocks

นักข่าวไทยหลายสำนัก ไปรายงานข่าวแผ่นดินไหวใหญ่
ที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้คิดต่อว่านอกจากสื่อไทยจะสะท้อนถึงสถานการณ์ที่นั่นแล้ว น่าจะได้ข้อสรุปเป็นบทเรียนสำหรับประเทศไทยได้ด้วย เพราะหลายปรากฏการณ์ที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ มีประเด็นใหม่ที่ควรแก่การบันทึกและวิเคราะห์ต่อเนื่องด้วย
คนไทยเคยรู้จักแต่คำว่า aftershocks เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หมายถึงอาการแผ่นดินไหว “ลูกเล็ก” ที่ตามมาเป็นระลอกหลัง “ลูกใหญ่”
แต่การเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่คูมาโมโตะ ที่เกาะคิวชิวทางใต้ของญี่ปุ่นครั้งนี้เกิดคำว่า foreshock ซึ่งแปลได้ความว่าเป็นแผ่นดินไหว “ลูกมาก่อน” ที่จะเกิด “ลูกใหญ่” แล้วจึงมี “ลูกเล็ก”
Foreshock แรกมีความแรงที่ระดับ 6.5 เกิดเมื่อค่ำวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา จุดที่โดนตรงคือจังหวัดคุมาโมโตะ
เช้าวันเสาร์ Mainshock ก็มา มีระดับหนักมากที่ 7.3
เท่านั้นไม่พอ ค่ำวันจันทร์ต่อมา แผ่นดินไหวอีกลูกตามมา กระทบเมืองอะโซะของจังหวัดเดียวกัน และมีผลต่อทางตะวันตกของจังหวัดโออิตะอีกด้วย
ลูกนี้แรงระดับ 5 แต่มีผลสร้างความหวั่นไหวและสับสนไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เพราะเท่ากับเป็นการซ้ำเติมของธรรมชาติ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นหลายล้านคนตั้งตัวไม่ทัน แม้ว่าจะมีความเคยชินกับคำว่าแผ่นดินไหวอยู่แล้วก็ตาม
ซ้ำร้ายต่อมาอีกไม่ถึงสองวันก็เกิดแผ่นดินไหวหนักหน่วงระดับ 7.9 ที่ประเทศอิเควดอร์ของอเมริกาใต้
ทั้งญี่ปุ่นและอีเควดอร์ต่างตั้งอยู่ในบริเวณ Ring of Fire หรือ “วงแหวนแห่งไฟ” อันเป็นบริเวณที่นักธรณีวิทยาได้สรุปไว้นานแล้ว ว่าเป็นแถบยาวรูปเกือกม้าจากเอเชียไปถึงอเมริกาใต้ ที่เปลือกโลกอยู่ในภาวะอ่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวที่สามารถต่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ทุกขณะ
แม้ภาพข้างนอกจะมองว่ารัฐบาลญี่ปุ่นสามารถตั้งรับ สถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ดีพอสมควร และคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็มีวินัยในการช่วยกันฟันฝ่า ภัยพิบัติร้ายแรงอย่างสงบและมีความเอื้ออาทรต่อกันไม่น้อย
แต่จากการติดตามข่าวของผมผ่านสื่อญี่ปุ่นเอง ที่มีคนข่าวลงไปถึงพื้นที่เกือบทุกจุด ปัญหาใหญ่ครั้งนี้คือความไม่พร้อมของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในการแจกจ่ายอาหารการกิน และการตั้งหน่วยรับรองคนหลายแสนคน ที่อพยพหนีตายจากจุดที่โดนแผ่นดินไหวกระทบหนักที่สุด
แม้จะมีข้าวสารอาหารแห้งและเครื่องใช้ส่วนตัวจะถูกส่งไปจากหลาย ๆ จุดทั่วประเทศเพื่อช่วยเหยื่อภัยธรรมชาติครั้งนี้ แต่ระบบการแจกจ่ายหรือ logistics ท้องถิ่นเกิดภาวะคอขวด ไม่อาจจะส่งไปถึงมือผู้ต้องการอาหาร น้ำและเครื่องประทังชีวิตได้
สาเหตุหนึ่งเพราะความเสียหายต่อถนนหนทางมีสูงและแรงมาก การจราจรระหว่างเมืองเป็นอัมพาตให้หลายจุด เส้นทางคมนาคมถูกปิดตายไปหลายวัน ข้าวปลาอาหารไม่ได้ขาดแคลน แต่ไม่สามารถจะส่งไปถึงคนแก่ลูกเล็กเด็กแดงจำนวนมากที่หิวโหยและหวั่นไหวอยู่เป็นจำนวนมาก
คนแก่วัย 80 คนหนึ่ง ที่อพยพหนีตายกับภรรยาหลังจากบ้านพังครืน เพราะถูกแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวบอกนักข่าวญี่ปุ่นว่า “ผมต้องยืนรอ 2 ชั่วโมงมาหลายวันแล้ว เช้านี้ผมได้ข้าวใส่เกลือมาสองก้อน ไม่มีไส้ ผมจึงตัดสินใจหยุดกินมื้อเที่ยง เพราะยืนรอคิวยาวเหยียดไม่ไหว...”
มองจากข้างนอกเราอาจเห็นภาพของความเรียบร้อยและมีวินัย แต่ลึก ๆ แล้วไม่ว่าสังคมใดเมื่อต้องเจอกับความสั่นไหวรุนแรง ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ย่อมจะสั่นคลอนง่อนแง่นได้ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือที่ไหนก็ตาม
เพราะแต่ก่อนนี้มีแต่แผ่นดินไหวที่ตามมาด้วย aftershocks
แต่ครั้งนี้เกิด foreshock แล้วจึงมี mainshock ก่อนจะโดน aftershocks ด้วย
แปลว่าจากนี้ไป เอาแน่ไม่ได้แล้วว่าแผ่นดินไหวที่รู้สึกได้ทันทีนั้นเป็นลูกเล็กหรือใหญ่ ลูกก่อน กลางหรือหลังกันแน่
ธรรมชาติเล่นกลแบบพิสดารมากขึ้นทุกวัน







