สนามบินดอนเมือง กับประสิทธิภาพการให้บริการ

ในช่วงนี้ผู้เขียนได้ใช้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิที่อดไม่ได้ที่จะขอเสนอความคิดเห็น โดยเฉพาะการบริหารจัดการ
ซึ่งเห็นว่ายังด้อยประสิทธิภาพ และสามารถปรับปรุงได้ และเป็นความรู้สึกที่ผู้ไปใช้บริการคงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
สาเหตุหลักคงจะมาการเติบโตอย่างรวดเร็วของสายการบินต้นทุนต่ำ หรือที่เรียกว่า Low Cost Airline ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการแข่งขันกันปรับลดราคาค่าโดยสารเครื่องบิน จนทำให้อัตราค่าโดยสารราคาถูกกว่าหรือใกล้เคียงกับการเดินทางรถไฟหรือรถยนต์โดยสารประจำทาง จึงทำให้ความนิยมการเดินทางทางอากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามสโลแกนของสายการบินหนึ่งที่ว่า ใครๆ ก็บินได้ การเดินทางจาก กทม. สามารถไปได้ทุกภูมิภาคภายในระยะเวลาเพียง 1-1.30 ชั่วโมง จึงทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ และการเดินทางโดยรถไฟลดลง ซึ่งเป็นการพัฒนาการที่ดีของการคมนาคมทางอากาศที่เป็นทางเลือกให้กับประชาชนแทนการที่จะต้องใช้เวลา 8-12 ชม. สำหรับเดินทางโดยรถไฟ หรือรถยนต์โดยสาร
จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้องย้ายสายการบินภายในประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิมารวมไว้ที่สนามบินดอนเมืองทั้งหมด แต่การให้บริการดูจะไม่พร้อมและไม่ทันต่อการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารในหลายประเด็น ดังนี้
ประการแรก คือ เคาน์เตอร์เช็คอิน สำหรับการออกบัตรโดยสารที่นั่งและการรับกระเป๋าสัมภาระ ที่มีคิวยาวมาก เคยมีคนส่งภาพผู้โดยสารเข้าคิวยาวเหยียดเป็นงูเลื้อยนำไปแชร์ในสื่อออนไลน์ทั่วโลกที่บอกว่า สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินที่มีความแออัดของผู้โดยสารมากที่สุด และในวันหนึ่งที่ผู้เขียนเผชิญที่สนามบินดอนเมือง คือ รออยู่ในแถวเช็คบัตรโดยสารและสัมภาระนานถึงกว่า 40 นาที มีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่รออยู่ในคิวของการเช็คตั๋วเดินทางของเที่ยวบินที่กำลังจะออกเดินทางในอีก 10-20 นาทีข้างหน้า ที่เข้าใจว่าอยู่ในคิวมานานเกือบหนึ่งชั่วโมงด้วยเช่นกัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของสายการบินต้องประกาศเรียกผู้โดยสารของเที่ยวบินที่กำลังจะออกเดินทางให้แยกออกจากคิวเพื่อให้บริการแยกพิเศษเพื่อให้ไม่ตกเครื่องบิน
ซึ่งเมื่อได้บัตรที่นั่งแล้วผู้โดยสารก็ยังเผชิญกับคิวที่ยาวอีกประการ คือ คิวการตรวจกระเป๋าสัมภาระด้วยเครื่องสแกน ที่จุดนี้ทุกสายการบินก็จะมารวมกันทั้งหมดในสภาพของคอขวด หากต้องรอคิวที่เคาน์เตอร์เช็คอินประมาณ 1 ชม. และการรอคิวสแกนกระเป๋าสัมภาระอีกร่วม 30-45 นาทีแล้ว โอกาสที่ทำให้ผู้โดยสารตกเครื่องหรือผู้โดยสารที่ล่าช้าจึงมีสูง ทำให้สายการบินไม่สามารถออกเดินทางได้ตามกำหนดเวลา ทางแก้ไขก็คือหากมีผู้โดยสารจำนวนมากที่สายการบินก็รู้จำนวนผู้โดยสารของตนเอง ก็ต้องเพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์และเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ ที่จะต้องกำหนดได้ว่าระยะเวลาการรอคิวของผู้โดยสารจะต้องไม่เกินกี่นาที เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์และหลายโรงพยาบาลจะกำหนดระยะเวลาการรอคิวของลูกค้าไว้ เช่นหากมีจำนวนลูกค้าเกิน 5 รายก็ให้เพิ่มเคาน์เตอร์การให้บริการ หรือการเพิ่มเครื่องสแกนสัมภาระที่การท่าอากาศยาน น่าจะปรับปรุงการให้บริการในส่วนนี้ให้ดีขึ้นได้
ประการที่สอง คือ ที่จอดรถ ผู้โดยสารคงเคยจะนำรถไปจอดที่สนามบินสำหรับการเดินทางระยะสั้น 1-2 วัน หรือการนำรถไปจอดรับผู้โดยสารขาเข้า แต่ไม่ประสบความสำเร็จที่ไม่สามารถจะหาที่จอดรถได้ ไม่ว่าจะเดินทางวันเวลาใด วันหยุด/วันทำงาน เวลากลางวัน/เวลากลางคืน หรือหากจะให้ได้ก็ต้องขับรถวนหาที่จอดเป็นเวลานาน ทำให้ประหลาดใจมากว่าสนามบินที่ใหญ่โตในระดับที่เคยเป็นสนามบินนานาชาติมาก่อน (ที่จะมีสายสนามบินสุวรรณภูมิ) ที่จอดรถยนต์เหล่านั้นมีไว้บริการผู้ใด เฉพาะเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ทำการค้าขายในสนามบินเท่านั้นหรือ ประชาชนที่เดินทางไม่มีโอกาสจะใช้บริการที่จอดรถยนต์กระนั้นหรือ
ข้อเสนอแก้ไขคือ การบริหารที่จอดรถยนต์ เช่น การแยกที่จอดรถยนต์สำหรับการให้บริการพนักงานสนามบินหรือผู้ค้าและที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร เพราะการจอดรถในการรอรับผู้โดยสารน่าจะมีการหมุนเวียนตลอดเวลา การจอดค้างคืนน่าจะมีจำนวนน้อยกว่า
ประการที่สาม คือ บริการรถแท็กซี่ ในปัจจุบันผู้ใช้บริการรถแท็กซี่จากสนามบินดอนเมืองต้องรอคิวยาวนานมากที่เฉลี่ยแล้วเกินกว่าครึ่งชั่วโมงในช่วงทุกวันเวลา และในบางช่วงเวลาจะต้องรอนานนับชั่วโมง แท็กซี่เป็นการให้บริการด่านหน้าสำหรับนั่งท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไม่มีทางเลือก เมื่อเจอสภาพเช่นนี้คงทำให้ผู้ใช้บริการหงุดหงิด ผู้เขียนสังเกตพบว่า จำนวนรถแท็กซี่ส่วนใหญ่มีพอเพียงที่รอรับผู้โดยสารอยู่ในช่องจอด แต่ความล่าช้าอยู่ที่ช่องเคาน์เตอร์ที่จัดคิวรถให้กับผู้โดยสารที่มีอยู่จำนวนเพียง 3-4 แถวเท่านั้น และการรอคอยที่เนิ่นนานนี้ ทำให้ผู้โดยสารส่วนหนึ่งขึ้นไปที่ชั้นผู้โดยสารขาออกชั้นบนและรอเรียกรถแท็กซี่ที่เข้ามาส่งผู้โดยสาร ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อรถแท็กซี่ที่รอคิวอยู่ชั้นล่างที่รายได้จะต้องหดหายไปจากการทำรอบได้น้อยลงเพราะความล่าช้าของการจัดคิวของพนักงาน
ความล่าช้าที่เกิดจากการบริหารจัดการที่ด้อยประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่แก้ไขปรับปรุงได้ และสามารถทำให้เพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจโดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายได้







