ใครจะได้รับรางวัลโนเบลก่อนกัน

ใครจะได้รับรางวัลโนเบลก่อนกัน

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นวันสุดท้ายซึ่งผู้มีคุณสมบัติอาจเสนอชื่อของบุคคลหรือองค์กรเพื่อรับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพได้

ผู้มีคุณสมบัติเสนอชื่อแยกเป็น 7 กลุ่มด้วยกันคือ (1) สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลของประเทศต่างๆ (2) ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (3) อธิการบดีมหาวิทยาลัยและผู้อำนวยการสถาบันการค้นคว้าด้านสันติภาพและนโยบายต่างประเทศและศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา กฎหมายและศาสนา (4) ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพ (5) คณะกรรมการขององค์กรที่เคยได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพ (6) สมาชิกและอดีตสมาชิกของคณะกรรมการรางวัลโนเบลของนอร์เวย์ และ (7) อดีตที่ปรึกษาของคณะกรรมการรางวัลโนเบลของนอรเวย์

ณ วันนี้คณะกรรมการคงได้รับรายชื่อของบุคคลและองค์กรที่ได้รับการเสนอสำหรับปีนี้แล้ว ตามกฎของคณะกรรมการ ชื่อที่ได้รับการเสนอนั้นจะเปิดเผยไม่ได้จนกว่าเวลาจะผ่านไปแล้ว 50 ปี ตอนนี้จึงมีเพียงการคาดเดากันว่าใครได้รับเสนอชื่อบ้าง ในจำนวนนี้คงจะมีชื่อของบิล เกตส์และภรรยาพร้อมกับมูลนิธิของเขาทั้งสอง และชื่อของนายแพทย์พอล ฟาร์เมอร์ รวมอยู่ด้วย

คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า บิล เกตส์ เป็นมหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลกมานานจากการก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขาและภรรยาชื่อเมลินดาก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากว่า 20 ปีแล้ว ขณะนี้มูลนิธิของเขามีสินทรัพย์มากที่สุดในโลก นั่นคือกว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และบริจาคให้โครงการด้านต่าง ๆ ทั่วโลกปีละหลายพันล้านดอลลาร์ (รายละเอียดอาจหาได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธิ www.gatesfoundation.org) ส่วนหมอพอล ฟาร์เมอร์คงไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางนัก เนื่องจากส่วนใหญ่เขาใช้เวลาทำงานอยู่ในเขตทุรกันดารของประเทศยากจนสุดๆ อาทิเช่น เฮติ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาหมอฟาร์เมอร์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในประเทศรวันดาซึ่งยากจนพอๆ กับเฮติ

ในการประชุมใหญ่ประจำปีของบรรดามหาเศรษฐี ผู้มีใจกุศลและผู้ประกอบการด้านเกื้อกูลสังคมเกือบ 200 คนเมื่อตอนกลางปีที่แล้วซึ่งนิตยสารฟอร์บส์สนับสนุน ผู้เข้าประชุมลงมติมอบรางวัลความสำเร็จตลอดชีพให้แก่สามีภรรยาคู่นั้นและหมอฟาร์เมอร์ ทั้งสามเป็นผู้ได้รับรางวัล ซึ่งอายุยังไม่มากนักเนื่องจากตอนนั้นบิล เกตส์ อายุ 60 ปี เมลินดา เกตส์อายุ 50 ปีและหมอฟาร์เมอร์อายุ 55 ปีเท่านั้น

ผู้นำเสนอเรื่องการมอบรางวัลดังกล่าวให้บิล และเมลินดา เกตส์ ได้แก่มหาเศรษฐีหมายเลขสองของโลกวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งอาจเป็นที่ทราบกันแล้วว่าจะบริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของเขาให้แก่กิจการเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่านมูลนิธิของบิล เกตส์และภรรยา ในการนำเสนอนั้น ตอนหนึ่งเขาพูดว่า “ผมได้ศึกษาผู้มีจิตกุศลที่ยิ่งใหญ่ของประเทศนี้ รวมทั้งร็อกกี้ เฟลเลอร์ คาร์เนกี และเฮนรี่ ฟอร์ด ไม่มีใครทุ่มเทเวลา ความพยายามและมันสมองให้กับมูลนิธิของตนเช่นบิล และเมลินดา” คงทราบกันดีแล้วว่า สามีภรรยาคู่นี้ลาออกจากงานประจำในไมโครซอฟท์มานานเพื่อทุ่มเทเวลาให้กับงานการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของมูลนิธิ

อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เป็นผู้นำเสนอการมอบรางวัลให้แก่หมอฟาร์เมอร์ ในการนำเสนอนั้น ตอนหนึ่งเขาพูดว่า “ในระหว่างการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ผมมักอ่านหนังสือในช่วงดึกๆ ... คืนหนึ่งหลังอ่านหนังสือชื่อ Mountains Beyond Mountains เกี่ยวกับพอล ฟาร์เมอร์ จบ ผมโทรหาลูกสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด...และถามว่ารู้เรื่องราวของพอล ฟาร์เมอร์ บ้างไหม ลูกตอบว่า ‘พ่อจ๋า เขาเป็นคนใจพระปานนักบุญเชียวนะคะ ’หลังจากวันนั้น ผมโชคดีที่ได้ร่วมงานกับพอล ฟาร์เมอร์ ในรวันดา เฮติ ไลบีเรีย และในที่อื่นๆ มีคนจำนวนมากทั่วโลกที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ และอีกนับชีวิตไม่ถ้วนที่เกิดความซาบซึ้งซึ่งรวมทั้งผมเองด้วย”

หนังสือเรื่องดังกล่าวเขียนโดยนักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์เทรซี่ คิดเดอร์ และมีชื่อเต็มว่า Mountains Beyond Mountains: The Quest of Dr. Paul Farmer, a Man Who Would Cure the World ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของหมอฟาร์เมอร์ในหลายบริบท รวมทั้งในแหล่งทุรกันดารที่เขาเดินทางด้วยเท้าข้ามภูเขาไปเยี่ยมคนไข้ในเฮติ ผมเองเกิดความประทับใจมาก จากการอ่านเรื่องราวของนายแพทย์คนนี้ ซึ่งเกิดในครอบครัวยากจน ความปราดเปรื่องและความขยันหมั่นเพียรส่งผลให้เขาได้ทุนไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่แทนที่จะมุ่งหน้าไปทางแสวงหาความร่ำรวย เขากลับพยายามช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย (ผู้สนใจในเรื่องราวของเขาแต่เวลาไม่ค่อยพออาจอ่านบทคัดย่อของหนังสือเล่มนั้นได้ที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา (www.bannareader.com)

จากการได้ศึกษาชีวิตและติดตามการทำงานของเขามาเป็นเวลานาน ผมมองว่าหมอฟาร์เมอร์อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นแบบเดียวกับนายแพทย์อัลเบิร์ต ชไวท์เซอร์ ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพเมื่อปี 2495 ฉะนั้น ผมเชื่อมั่นว่าในวันหนึ่งข้างหน้า หมอฟาร์เมอร์จะได้รับรางวัลนั้นเช่นกัน

ผมสนใจในวิถีชีวิตและการทำงานของบิล เกตส์ มานานและได้รวมเรื่องราวของเขาไว้ในหนังสือชื่อ เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2543 (บิล เกตส์ คือ “กระทิง” ในหนังสือเล่มนี้ซึ่งอาจดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนาเช่นกัน) ผมมองว่าเขาและภรรยาน่าจะได้รับรางวัลโนเบลด้านสันติภาพในเร็ววันนี้ หากไม่มีอคติเกิดขึ้นในการพิจารณา อคติอาจเกิดขึ้นได้จากการที่เขาและภรรยาร่ำรวยมหาศาลในแนวเดียวกันกับในกรณีของจิมมี่ คาร์เตอร์

ผมเชื่อว่าอคติทำให้อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ได้รับรางวัลนั้นล่าช้ากว่าที่น่าจะได้รับมาก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นอดีตประธานาธิบดีที่นำการทำสงครามเย็นอย่างเข้มข้น ด้วยเหตุนี้ บิล เกตส์อาจได้รับรางวัลโนเบลหลังหมอฟาร์เมอร์ ถ้าหากเขาไม่ได้รับรางวัลในวันหนึ่งข้างหน้า ผมจะถือว่าคณะกรรมการรางวัลโนเบลมีอคติมากจนหมดความน่าเชื่อถือ