ทีพีพี...แสงสว่างหรือความมืดมิดของไทย

ทีพีพี...แสงสว่างหรือความมืดมิดของไทย

ในการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยให้ความเห็นชอบร่วมกันในการผลักดันให้รัฐบาลเข้าร่วมภาคีความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่มีประเทศสมาชิกรวม 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม เม็กซิโก เปรู สิงคโปร์ บรูไน แคนาดา ชิลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยเร็วที่สุด ด้วยเหตุผลว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศสมาชิกเหล่านี้เป็นคู่ค้าหลักของไทย

ขณะที่ น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) มองว่าไทยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ ควรศึกษาหาข้อมูลและงานวิจัยอย่างรอบคอบที่สุด โดยระบุด้วยว่าหลังการเจรจาทีพีพีจบลง ผู้นำสหรัฐได้ประกาศว่า จากนี้ไปสหรัฐจะเป็นผู้กำหนดกติกาการค้าในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นการลดอำนาจของอาเซียนที่เพิ่งรวมกลุ่มกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจ และไทยต้องยอมรับการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืช ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนเมล็ดพันธุ์เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 4-6 เท่าตัว เรียกได้ว่าบรรษัทต่างชาติของสหรัฐจะมีอำนาจเหนือรัฐบาลในการแสวงหากำไรสูงสุด

ขณะที่ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่เติบโตมากับภาคเกษตร ทั้งด้านพืชผลและปศุสัตว์ จากการทำสํามะโนการเกษตรครั้งล่าสุด ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อปี 2556 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ถือครองทําการเกษตรทั้งสิ้น 5.9 ล้านราย โดยที่ครัวเรือนผู้ถือครองทําการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 25.9 ของครัวเรือนทั้งประเทศ ในจำนวนนี้ เป็นการเพาะปลูกพืชร้อยละ 96.4 รองลงมาเป็นการเลี้ยงปศุสัตว์ ร้อยละ 20.9 และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ร้อยละ 4

ถ้าหากไทยตกลงใจร่วมทีพีพี จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เกษตรกรผู้ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เหล่านี้จะสามารถดำรงอาชีพได้อย่างมั่นคง โดยไม่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากเงื่อนตกลงของบรรดาประเทศสมาชิกทั้งหลาย เนื่องจากสินค้าเกษตรของสหรัฐ ผู้นำการผลิตสินค้าเกษตรของโลก และมีต้นทุนถูกกว่าไทยมาก ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่ รวมทั้งจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาคปศุสัตว์ทั้งระบบ จนต้องเลิกกิจการไป

จากตัวอย่างที่ผ่านมา ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ต่างเคยได้รับผลกระทบมาแล้ว เช่นกรณีเมื่อปี 2556 เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูของเวียดนามจำนวนมากต้องล้มละลาย หลังจากเวียดนามเปิดนำเข้าหมูส่วนเกินจากสหรัฐมาขายในราคาต่ำ ทำให้เกษตรกรในประเทศไม่สามารถสู้ราคาได้ ถึงกับต้องเลิกกิจการไป หรือในส่วนของไก่ที่ไทยส่งออกไปยังต่างประเทศทั้งยุโรป ญี่ปุ่น มาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว แต่สหรัฐซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ก็พยายามที่จะส่งไก่เข้าไทย โดยไม่ยอมให้ไทยส่งเข้าสหรัฐนับเป็นการเอาเปรียบฝ่ายเดียว

นอกจากนี้ สหรัฐยังมีความแยบยลในการกีดกันการค้าด้วยการใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งปัจจุบันไทยก็ถูกกีดกันในสินค้ากุ้งส่งออก ด้วยข้ออ้างว่าในซัพพลายเชนกุ้งมีการใช้แรงงานทาส และยังจัดให้ไทยอยู่ที่ระดับเทียร์ 3 คือประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายการค้ามนุษย์ของสหรัฐ และไม่ได้ใช้ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหา ทำให้รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการแก้ไขและพัฒนาการประมงของไทยเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ในส่วนเรื่องราวที่เกี่ยวโยงถึงทรัพย์สินทางปัญญาก็เป็นประเด็นที่ไม่อาจละเลย เพราะจะเป็นประเด็นที่ถูกเอารัดเอาเปรียบได้เช่นกัน เนื่องจากว่า บริษัทข้ามชาติต่างๆ ที่มีทุนทรัพย์ มีนักวิจัย สามารถนำเอาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์และความหลากหลายทางชีวภาพของทุกประเทศสมาชิก ไปจดทะเบียน สร้างความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในสิ่งซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน เพื่อนำไปสร้างความเป็นสินค้าที่พวกเขาสามารถผูกขาด และไม่อนุญาตให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้

ขณะเดียวกัน บริษัทข้ามชาติยังสามารถฟ้องร้องรัฐบาลในประเทศที่เข้าไปลงทุนด้วย หากมีกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ที่ขัดขวางการลงทุน ด้วยเหตุนี้เองทำให้ประเทศสมาชิกทีพีพีไม่กล้าออกนโยบาย หรือกฎหมายปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของยาที่มีการพูดถึงกันค่อนข้างมากในผลกระทบทางลบต่อระบบสาธารณสุขทั้งภูมิภาค ที่มีความมุ่งหมายในการพัฒนาด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน

ทีพีพีจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การเจรจาการค้าเสรีในอนาคตมีองค์ประกอบที่ซับซ้อน และครอบคลุมในทุกเรื่องทุกมิติ โดยศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของการเข้าร่วมทีพีพี จึงไม่ควรมองแต่ผลประโยชน์ด้านการค้า แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาคส่วนต่างๆ ที่สำคัญคือการที่ไทยเข้าร่วมหลังจากการปิดรับสมาชิกตั้งแต่เมื่อปี 2012 เท่ากับว่า ไทยจะต้องทำตามที่ประเทศสมาชิกทั้ง 12 ประเทศร้องขอในด้านต่างๆ ด้วย

ถ้าเช่นนั้น...แสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ทีพีพีจริงหรือ?

-----------------------

ณัทพล วงศ์สัมพันธ์