อ่านออกเขียนได้ แต่ไม่รู้หนังสือ
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่มืออาชีพวันนี้ตระหนักดีว่าสำคัญยิ่ง
เราอยู่ในยุคที่มีข้อมูล ข่าวสาร และวิทยาการใหม่ กระหน่ำเกิดในทุกเสี้ยววินาที
มีเรื่องใหม่ๆ ทำให้สรรพสิ่ง ไม่เคยอยู่นิ่ง
เทคโนโลยีใหม่ กฎหมายใหม่ วิธีการใหม่ ทีมใหม่ หัวหน้าใหม่...
อาจารย์ อัลวินทอฟฟ์เลอร์ผู้ที่ได้รับการกล่าวขานจากหลากหลายวงการว่าเป็น Futurist หรือนักอนาคตวิทยาชั้นแนวหน้าที่มีมุมมองอันทรงอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างยิ่ง ฟันธงว่า
“ผู้ที่ไม่รู้หนังสือในศตวรรษที่ 21 มิใช่พวกที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่จะเป็นพวกที่ไม่สามารถเรียนลบสิ่งที่เรียนและเรียนรู้ใหม่”
“The illiterate of the 21st century will not be those who cannot read and write,
but those who cannot learn, unlearn, and relearn.”
ในฐานะวิทยากร สิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้สัมผัสว่าท้าทายยิ่งในการช่วยพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ของมืออาชีพ คือ
การเรียนรู้ใหม่ ไม่ยากหากผู้เรียนเริ่มจากความ "ไม่รู้"
แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ ไม่ง่ายเลย หากผู้เรียนเริ่มจากการมีความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อนั้นๆ มาก่อน
เปรียบได้กับหลายสิ่งในชีวิต อาทิ การเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ แบดมินตัน หรือ กอล์ฟ
การพยายามปรับท่าว่าย หรือวิธีตีลูก ที่ปลูกฝังจนชิน ไม่ง่ายอย่างไร
การปรับพฤติกรรมที่คุ้นเคยอยู่แล้วในที่ทำงาน ก็ไม่ง่าย เข้าข่ายคล้ายกัน
นั่นคือความแตกต่างระหว่างเรียนรู้Learnและเรียนรู้ใหม่Relearn
เปรียบเสมือนแก้วในหลายกรณี
1. หากแก้วยังว่างเปล่า รินน้ำใส่ แก้วก็พร้อมยอมรับน้ำได้ทุกเมื่อ
2. หากแก้วมีน้ำอยู่บ้าง ก็ใส่น้ำใหม่ได้จำกัด
3. หากแก้วมีน้ำอยู่เต็ม น้ำใหม่ก็ได้แต่ไหลล้นนอง
(หัวหน้าบางท่านที่ต้องทำหน้าที่สอนงานลูกน้องเสริมว่ามีแก้วอีกหนึ่งกรณีนะครับ คือ
4. แก้วคว่ำ นอกจากน้ำข้างในไหลออกหมดจด ยังประกาศว่า "งดเติม”!)
วันนี้ดิฉันขอคุยถึงกรณีทั่วไปในองค์กรซึ่งล้วนมีมืออาชีพที่ตระหนักว่าต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะเราต่างเข้าข่ายแก้วกรณีที่ 2 และ3ที่มีน้ำอยู่พองามหรือมีเต็มปรี่
แนวทางที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำได้อย่างน้อย2วิธีหลัก
ก.Unlearnปล่อย ปลด ละ ลดความยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่เคยทำ เคยชำนาญ
เราต้องทำตนเป็นอ่างแก้วซึ่งมีจุกน้ำที่เปิดปิดได้ดังใจ พร้อมปล่อยให้น้ำเก่าออกบ้างเพื่อทำทางกว้างๆให้น้ำใหม่ไหลเข้า
ผู้ที่เชี่ยวชาญในการ Unlearn สามารถถอดตัวตนออกจากสถานการณ์แล้วมองกลับไปด้วยใจเป็นกลางว่าวิถีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
มองแบบไม่ใช่ของเขาเหมาเอาว่าเป็นงานของคนอื่นใด จะได้ไม่ยึดติด เพราะจะคิดหาข้อแก้ต่างได้สารพัด
เมื่อมองอย่างไม่มีอัตตา แล้วเห็นว่าวิธีที่ทำดีอยู่แล้ว ก็ดูต่อว่า วิธีใหม่มีอะไรดีกว่าบ้างไหมใช้เวลาฟังๆๆอย่างตั้งใจแล้วจึงไตร่ตรอง มองว่าข้อดีมีอะไร ข้อจำกัดมีอะไร ชั่งแล้วจึงตัดสินใจ ว่าฝั่งใดหนักกว่ากัน
ถ้าเห็นว่าวิถีเก่ามีปัญหา มีข้อจำกัด ยิ่งต้องสกัดอคติ ยิ่งต้องน้อมยอมรับ เพื่อปรับให้ดีกว่าโดยใช้วิธีใหม่
ที่สำคัญไม่แพ้กัน อันจะทำให้เราละสิ่งเก่าที่รู้ได้คือทำใจว่าไม่มีใครเป็นเลิศในทุกสิ่งตลอดไป
การเรียนรู้ว่า เรายังไม่รู้อะไร
นับเป็นก้าวสำคัญในการเปิดใจรับสิ่งใหม่
ไม่เป็นน้ำเต็มแก้วในบัดดล!
ข.ทำตนเป็นแก้วที่ยืดหยุ่น ขยายได้
อีกหนทางในการเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ใหม่ให้ต่อเนื่อง คือต้องเพิ่ม "RAM”หรือความจุของแก้ว
ต้องหมั่นทำให้แก้วยืดหยุ่น เพื่อพร้อมขยายให้ใหญ่ ให้น้ำใหม่ได้มีที่อยู่
วิธีการที่มืออาชีพเริ่มทำได้คือเพิ่มความรอบรู้และมุมมองที่หลากหลายเพื่อคลายความยึดติด เช่น
มีสังคมและเพื่อนที่หลากหลายเพื่อได้เปิดโลกทัศน์กับวิสัยที่แตกต่าง
ทดลองทำงานกับทีมข้ามหน่วยงานในโครงการใหม่
อ่านสิ่งใหม่ๆในหัวข้อที่ไม่เหมือนเดิม
เดินทาง ท่องเที่ยว เปิดหู ตาและใจกับความมหัศจรรย์ของคนและโลกใบนี้
เมื่อมีสถานการณ์ใดที่ทำให้เราต้องเรียนรู้วิธีใหม่ ความยืดหยุ่นที่เกิดจากการเปิดใจ และ มองกว้าง จะสร้างฐานที่มั่นคงให้สามารถปรับ ตลอดจนรองรับความรู้และทักษะใหม่ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้ คือ การเรียนรู้ใหม่ มิได้หมายความว่า ความรู้ที่เราเพียรสั่งสม การลงมือทำจนเชี่ยวชาญจะหาประโยชน์อันใดมิได้
เพราะแม้บางสิ่งตองรินทิ้งบ้าง
แต่บางอย่าง ยังทรงคุณค่า สมควรแก่การเก็บถนอมไว้ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปะของการเรียนรู้ ความมุ่งมั่นในการฝึกฝน ความอึดอดทน และ ความแกร่ง ที่เกิดจากความเก๋า
เมื่อรวมกับความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่
ไม่ว่าอนาคตจะมารูปแบบใด..เราไม่กลัวค่ะ
-------------------------------------
ไม้จิ้มสมอง
การตระหนักว่าคุณไม่รู้ คือก้าวที่ยิ่งใหญ่สู่ความรู้
เบนจามินดิสราเอลี
อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร
To be conscious that you are ignorant is a great step to knowledge.
Benjamin Disraeli
Former Prime Minister of the United Kingdom