เมื่อธุรกิจต้องเปลี่ยน บทเรียนจาก HQ Hostel Silom

HQ Hostel Silom ถือเป็นโฮสเทลยุคแรกๆ ของกรุงเทพฯ ที่เกิดจากกลุ่มคนผู้ชอบเดินทางท่องเที่ยว
HQ Hostel Silom นั้นแต่เดิมมีชื่อว่า HQ Hostel Bangkok โดย บริษัท 212 พัฒนาสีลม ซึ่งประกอบด้วย คุณวัลภา ฤกษ์เกรียงไกร, คุณกัญญา ชินรักษา, คุณศศิกานต์ อริยมหาพงศ์ และคุณธีรวัฒน์ วิริยะอมรพันธุ์ ได้ก่อตั้งโฮสเทลแห่งนี้ขึ้น เมื่อ 7 ปีก่อน โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่เป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว แล้วต้องการที่จะสร้างที่พักที่มีความหรูหราเล็กๆ อยู่ตรงกลางระหว่าง โรงแรมและเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่พักประเภทนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย HQ จึงถือเป็นโฮสเทลยุคแรกๆ ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
โดยความตั้งใจของกลุ่มเจ้าของคืออยากที่จะให้ HQ Hostel เป็นจุดศูนย์กลางทั้งสำหรับการเดินทางและการช้อปปิ้ง เลยเลือกทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดงและช่องนนทรี และตั้งชื่อว่า HQ ซึ่งมาจากคำว่า Head Quarter นั่นเอง แต่ในการทำธุรกิจนั้นพบปัญหาการเข้าพักน้อยจากจำนวนเตียง 50 เตียง มีลูกค้าเข้าพักเพียง 5 เตียงเท่านั้น ทาง HQ จึงได้จ้างที่ปรึกษา คือ คุณนรี สุเนต์ตา มาช่วยในการบริหารงาน
สำหรับการปรับเปลี่ยนนั้น เริ่มต้นตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อจาก HQ Hostel Bangkok ไปเป็น HQ Hostel Silom เพื่อที่จะสื่อให้ลูกค้าเห็นได้จากชื่อเลยว่าโฮสเทลตั้งอยู่ที่บริเวณสีลมและ เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้วขั้นตอนต่อไปคือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลและหน้าตาเว็บไซต์ให้เป็นไปในทางเดียวกันด้วย
หลังจากนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการดำเนินงาน โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการควบคุมต้นทุน โดยตัดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นต่างๆ ทิ้งทั้งหมด เช่น การโฆษณาบน Google ที่มีค่าใช้จ่ายถึงห้าหลักต่อเดือน การยกเลิกระบบการจองห้องพักที่มีค่าบริการรายเดือน เมื่อตัดระบบการจองห้องพักเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายแล้ว การดำเนินงานใช้การกลับไปทำด้วยการบันทึกแบบธรรมดา
สิ่งสำคัญที่ทาง HQ Hostel Silom เน้นเป็นการเปลี่ยนแปลงหลัก คือ การตกแต่งภายในให้ดูดีมากขึ้น ทั้งนี้เพราะจากการดำเนินงานมา 7 ปี ทำให้สภาพห้องเดิมทรุดโทรมไป
จากการสัมภาษณ์คุณนรี สุเนต์ตา พบว่า ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงนั้น สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดคือ การสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงต่อพนักงาน เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะช่วยให้งานที่เคยทำนั้นง่ายขึ้นก็ตาม ดังนั้นเมื่อทัศนคติของพนักงานไม่ตรงกันกับวิสัยทัศน์หลักของโฮสเทลก็จำเป็นต้องแยกทางกันไป แล้วหาคนที่มีความคิดคล้ายกันเข้ามาแทน
เมื่อเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการต่างๆ ภายในโฮสเทลให้เข้าที่เข้าทางแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือ การสื่อสารการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ในเมื่อ HQ Hostel Silom ตัดงบโฆษณาบน Google ทิ้งไปแล้วจึงเลือกใช้ช่องทางจาก Online Travel Agent หลักๆ เช่น Agoda, Booking,Airbnb และ Expedia เท่านั้น โดยการตลาดช่องทางอื่นๆ นั้นแทบจะไม่ได้ทำเลย แต่ HQ Hostel Silom จะเน้นให้ลูกค้ารีวิวจากสิ่งที่ประทับใจในการบริการจริงๆ มากกว่า
โดยจุดเด่นที่สื่อสารออกไปให้กับลูกค้า คือ เป็นที่พักประเภทโฮสเทลราคาถูก ที่มีอาหารเช้ารวมด้วยในราคาเริ่มต้นที่ 330 บาท ต่อเตียง ต่อคืนเท่านั้น ซึ่งถือว่า ราคา competitive เมื่อเทียบกับทำเลที่ตั้งและ บริการที่ได้รับ เพื่อที่จะเป็นการเรียกลูกค้าให้เข้ามาลองใช้บริการ
จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆพบว่า HQ Hostel Silom ได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีจากลูกค้า จากที่มีลูกค้าเพียงแค่ 5 เตียง อัตราการจอง (Occupancy Rate) เพิ่มขึ้นมาที่ 50% เพื่อการเพิ่มยอดการจองให้มากขึ้น HQ Hostel Silomเน้นกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ที่น่าจำจดให้แก่ลูกค้าระหว่างการเข้าพัก โดยเสนอความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ รวมถึงให้ความสำคัญกับคำติของลูกค้าเป็นอย่างมากเพื่อนำไปปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปจนเกิดการบอกต่อในกลุ่มลูกค้า HQ Hostel Silom ยังวางแผนการทำธุรกิจโดยเน้นว่าหากสามารถปรับปรุงในสิ่งที่สามารถทำได้ครบตามความต้องการของลูกค้าทั้งหมดแล้ว ก็จะมีการปรับราคา เพื่อเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ
สำหรับแผนการปรับเปลี่ยนถัดไปคือ จากการที่ทำเลที่ตั้งของ HQ อยู่ใกล้พัฒน์พงษ์ ทำให้ลูกค้าส่วนมากที่เข้าพักเป็นลูกค้าเพศที่ 3 เป็นหลัก ทาง HQ Hostel Silom เล็งเห็นอีกโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนี้ และมองถึงการสร้าง Gimmick ทางการตลาดว่า อาจปรับเป็นโฮสเทล ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ต่อไปในอนาคตด้วย
กรณีศึกษา HQ Hostel Silom นั้นสะท้อนให้เห็นว่า ในสำหรับธุรกิจประเภทโฮสเทล นั้นแม้ในการเข้ามาทำธุรกิจอาจถูกมองจากผู้ลงทุนว่า หากเลือกทำเลได้ดี ก็มีจุดขายได้ แต่สำหรับลูกค้าแค่นั้นอาจไม่เพียงพอ สำหรับโมเดลธุรกิจโฮสเทล นั้นประเด็นการควบคุมต้นทุนของการดำเนินงานเพื่อให้ลูกค้าที่เข้าใช้บริการได้รับคุณค่าที่สมราคาเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ นอกไปจากนั้นการเปลี่ยนแปลงแม้เป็นเรื่องยาก หากค่อยๆ ปรับค่อยเปลี่ยนให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าจะช่วยนำมาซึ่งจุดแตกต่างในการแข่งขันได้อีกด้วย
(เครดิต : กรณีศึกษาและการสัมภาษณ์ คุณนรี สุเนต์ตา โดยคุณอัฐภิญญา ปุณณมากุล นักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล)







