เพื่อนกับกาลเวลา

ท่านผู้อ่านไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน เคยได้สังเกตและคิดทบทวนในเรื่องของความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ
บ้างไหมครับ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์เมื่ออายุท่านเปลี่ยนไป ผมไปเจอบทความหนึ่งที่เขียนโดยJulie Beck ในนิตยสารThe Atlantic ที่วิเคราะห์และนำเสนอผลการวิจัย ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับเพื่อนไว้อย่างน่าสนใจครับ เลยขอนำมานำเสนอในสัปดาห์นี้ครับ
งานวิจัยทุกๆ ชิ้นต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า การมีเพื่อนฝูงนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุข ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต่างจากความสัมพันธ์อื่นๆ (ครอบครัว สามี ภรรยา บุตร) นะครับ เนื่องจากเพื่อนนั้น เราสามารถเลือกที่จะคบหรือเลิกคบได้ ไม่เหมือนครอบครัวหรือบุตรธิดา ที่เราไม่สามารถลาออกจากครอบครัวได้ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนั้น ก็ไม่ได้มีโครงการที่เป็นทางการและชัดเจน เหมือนกับคู่รักหรือสามีภรรยา สำหรับเพื่อนเราสามารถที่จะไม่คุยหรือติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายๆ เดือน แต่ยังไงก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่สำหรับคู่ครองหรือคู่รัก ถ้าขืนไม่ได้คุยหรือติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ เดือน ความเป็นคู่ครองหรือคู่รักก็คงจะหมดไป
ทีนี้เรามาดูความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับอายุบ้างนะครับ เมื่อเราเด็กๆ เพื่อนคือเพื่อนเล่น เพื่อนคือผู้ที่เราสนุกด้วยเวลาเราเล่นด้วยกัน แต่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเราเริ่มแสวงหาตัวเอง เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น เพื่อนก็มีอิทธิพลต่อเรามากขึ้น ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนเล่นเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน กลับระบุว่า ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่ตอนต้น (20-25 ปี) จะเป็นยุคทองของการสร้างความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน
เนื่องจากช่วงวัย 20-25 นั้น จะเริ่มรู้จักตนเองและมีความมั่นใจ และรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการมากขึ้น ดังนั้น เราก็มักจะมองหาเพื่อนที่มีค่านิยมและรสนิยมที่คล้ายๆ กัน ขณะเดียวกัน ช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงเวลาที่เรามีเวลาที่จะให้กับเพื่อนมากที่สุด (จากการสำรวจในอเมริกา วัยนี้มักจะใช้เวลากับเพื่อนถึงสัปดาห์ละ10-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยู่ในบรรยากาศของมหาวิทยาลัยด้วยแล้ว วัยนี้ยิ่งเป็นวัยทองของการแสวงหาใช้เวลาและสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนเลยครับ
เมื่อเราย่างเข้าสู่วัยทำงานผู้ใหญ่และวัยกลางคน ชีวิตเราก็จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามามากขึ้น ทั้งการทำงานและครอบครัว ทำให้ความสำคัญของเพื่อนเริ่มตกลง สังเกตสิครับว่า ระหว่างการเลื่อนหรือผิดนัดกับเพื่อน กับการไม่ไปดูการแสดงดนตรีของ ลูกอันไหนร้ายแรงสำหรับท่านผู้อ่านมากกว่ากัน
บางท่านบอกว่า เนื่องจากท่านเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด ท่านก็ไม่ต้องใช้เวลากับครอบครัว แต่อย่าลืมว่าชีวิตคนโสดนั้นก็ได้รับผลกระทบจากเพื่อนที่แต่งงานและต้องไปสร้างครอบครัวด้วยเช่นเดียวกัน ข้อที่น่าสังเกตอีกประการคือ ถ้าในช่วงวัยทำงานหรือวัยกลางคนเพื่อนใหม่ที่ท่านหาได้นั้น มักจะมาจากที่ทำงานหรือผู้ปกครองของเพื่อนๆ ลูกๆ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ท่านจะใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด (นอกเหนือจากครอบครัว) คำถามหนึ่งที่น่าสะเทือนใจ แต่ท่านผู้อ่านลองถามตัวเองดูนะครับว่า เพื่อนคนสุดท้ายที่ท่านหาได้คือใครครับ?โดยต้องเป็นบุคคลที่เราสามารถเรียกว่าเพื่อนได้จริงๆ นะครับ ไม่ใช่เพียงแค่คนรู้จักหรือเพื่อนร่วมงาน
เมื่อเราเริ่มเกษียณตัวเองจากการทำงาน ลูกๆ ก็โตขึ้น เราก็จะมีเวลาสำหรับเพื่อนฝูงอีกครั้ง ในวัยนี้เรามักจะกลับไปค้นหาเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ได้เจอหรือไม่ได้ติดต่อกันมานาน อีกทั้งเหมือนกับว่าจะยิ่งเร่งรีบที่จะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนเก่าๆ ให้ได้มากที่สุด (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เวลาเหลือน้อยนั่นเอง) เมื่อเราเข้าสู่วัยชรา (ตามทฤษฎีของนักวิชาการนะครับ ไม่ได้เขียนจากประสบการณ์) คนเราก็อยากจะใช้เวลากับบุคคลหรือประสบการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด ซึ่งอย่างหนึ่งคืออยู่กับเพื่อนและครอบครัว
เป็นไงครับ เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมใดก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับเวลา ก็มักจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจะเปลี่ยนไป เมื่อกาลเวลาและอายุเปลี่ยนไป แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ระบุว่าสิ่งที่ต้องการจากเพื่อนนั้น ไม่แตกต่างกันครับโดย William Rawlins อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจากOhio University ระบุว่าสำหรับทุกๆ คนแล้วเพื่อนคือ“Somebody to talk to, someone to depend on, and someone to enjoy.”ครับ และอย่าลืมว่า สิ่งที่สวยงามสำหรับเพื่อนก็คือ ทั้งสองฝ่ายต่างสามารถเลือกได้ครับ เลือกที่มีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน หรือเลือกที่จะออกจากความสัมพันธ์ก็ได้







