เมื่อ‘ทัศนวิสัย’ เกิดวิกฤติ ก็ต้องแก้ด้วย ‘วิสัยทัศน์’ ผู้นำ

หน้าหนึ่งของ “คม ชัด ลึก” กับ The Nation เมื่อวานสะท้อนให้เห็น
ถึงความรุนแรงของปัญหาหมอกควันทางใต้ของไทย ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างของการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว
เพราะระดับของฝุ่นละอองอย่างน้อยใน 5 จังหวัดทางใต้ของไทยสูงเกินกว่ามาตรฐานมาก และเข้าขั้น “เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง” อีก 7 จังหวัดนั้น แม้จะไม่ตกอยู่ในสภาพร้ายแรง แต่ก็น่าเป็นห่วง เพราะคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย ก็ได้แต่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่นให้ฉีดละอองน้ำหรือให้พิจารณาปิดโรงเรียน
พาดหัวว่าปัญหานี้อาจยืดยาวถึงปลายปี กระทบทั้งสุขภาพของคนไทยทั่วไป การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจภาคใต้ รวมถึงสภาพจิตที่ประเมินความเสียหายไม่ได้
เจ้าหน้าที่เพียงตั้งความหวังว่าทิศทางลม จะเปลี่ยนไปเพื่อปัญหาจะได้หายไปโดยธรรมชาติ
แต่ปัญหาหมอกควันจากเกาะสุมาตราทุกปีเป็นเรื่องขวางธรรมชาติ เป็นการทำลายธรรมชาติที่ผู้ได้ประโยชน์ คือธุรกิจในมาเลเซียและสิงคโปร์กับอินโดนีเซีย ที่ไปส่งเสริมให้มีการเผาป่าเพื่อประโยชน์ของตน
สถานการณ์หลายปีที่ผ่านมาแทนที่จะผ่อนคลาย เพราะมีการประสานระหว่างรัฐบาลไทย อินโดฯ สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในภาคใต้ของไทย ตอกย้ำว่าการพูดจาระหว่างผู้เกี่ยวข้องในประเทศแถบนี้ ไม่มีผลทางปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย
เพราะแทนที่จะตระหนักถึงความเสียหาย ระดับอันตรายของหมอกควันพิษจากอินโดฯยิ่งจะหนักหน่วงขึ้น
แปลว่าความเป็นสมาชิกอาเซียน หรือคำมั่นสัญญาที่จะเอาจริงเอาจังของอินโดฯไร้ผลโดยสิ้นเชิง
จึงเป็นหน้าที่ของผู้นำรัฐบาลทั้ง 4 ประเทศที่ต้องแสดงถึงความเอาจริงเอาจัง ด้วยการพบปะกันระดับสุดยอดที่เรียกว่า Haze Summit เพื่อประกาศมาตรการร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ จะต้องร่วมกันออกกฎหมายที่มีเนื้อหาละม้ายกัน เพื่อมีบทป้องกันและลงโทษผู้กระทำผิดไม่ว่าผู้ฝ่าฝืนจะมีสัญชาติใด
จะต้องถือเป็น “อาชญากรรมข้ามชาติ” ที่สมาชิกอาเซียนจะต้องเห็นพ้องต้องกัน ว่าเป็นภัยคุกคามไม่น้อยไปกว่าอาชญากรรมอื่น ๆ ที่มีผลต่อประชาชนในภูมิภาคเป็นส่วนรวม
ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์และมาเลเซียได้ส่งเสียงโวยวายดังพอสมควร แต่รัฐบาลอินโดฯดูเหมือนจะยังไม่ตื่นตัวเพียงพอ ที่จะลงไปจัดการกับปัญหานี้ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมให้เป็น“ปรากฏการณ์ฤดูกาล” ที่กลายเป็นเรื่องที่ต้องมีการยอมรับกันโดยไม่ต้องมีผู้รับผิดชอบอีกต่อไป
เราเห็นหลายประเทศส่งคนและอุปกรณ์เข้าไปช่วยดับไฟป่าที่อินโดฯ ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือรัสเซียและสิงคโปร์ แต่นั่นคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะหากยังต้องหาทางดับไฟ ก็แปลว่าจะมีการเผาป่าอย่างต่อเนื่องกันไปไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อหมอกควันทำให้ “ทัศนวิสัย” มีปัญหารุนแรง ผู้นำอาเซียนต้องแสดง “วิสัยทัศน์” ที่จะฝ่าหมอกควันแห่งความวิกฤตินี้ให้ได้




