40 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน : เกาะไหหลำมีมากกว่า “ข้าวมันไก่”

แม้จะล้าหลังมาในอดีต และจนถึงวันนี้ ไม่เจริญทันสมัยเหมือนเกาะไต้หวันหรือเกาะฮ่องกง แต่หาดทรายสวยบริสุทธิ์
ทะเลงามๆ สวนมะพร้าว นาไร่เขียวชอุ่ม ภูมิประเทศแบบเกาะเมืองร้อนของเกาะไหหลำ เกาะเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ในเขตร้อน ทำให้จีนหมายตาว่าภายในปี ค.ศ.2020 จะพัฒนาเกาะไหหลำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสากล เป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างถนนวงแหวนรอบเกาะเป็นเส้นทางติดต่อคมนาคมภายใน และกับประเทศอื่นๆ ได้สะดวกรอบทิศทาง ไม่ใช่ให้ทุกอย่างต้องมาเริ่มต้นที่เมืองไหโข่ว เมืองหลวง
ปีที่แล้ว เกาะไหหลำมีนักท่องเที่ยว 47.89 ล้านคน เพียงร้อยละ 1. 4 เท่านั้นที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวคนจีนด้วยกันเอง
แหล่งท่องเที่ยวสากล หมายความว่า เกาะไหหลำจะไม่เป็นเพียงจุดหมายปลายทางเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยกันเท่านั้น อย่างเช่นทุกวันนี้ แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่ยินดีหนีอากาศหนาวมาพักผ่อนในบรรยากาศเกาะ อย่างเช่นที่หมู่เกาะมัลดีฟ เกาะบาหลี เกาะสมุย เกาะภูเก็ต เป็นต้น ในชั้นแรกก็หวังจะได้นักท่องเที่ยวบินมาจากรัสเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้
อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ เมืองซันยาที่อยู่ทางใต้สุดของเกาะ สร้างไว้เป็นเมืองท่องเที่ยวสุดหรู มีโรงแรมตึกระฟ้าราคาแพงลิบ ช่วงปีใหม่ ราคาห้องพักขึ้นสูงถึง 8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ มีศักยภาพสูงสุด ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก แต่เนื่องจากหาดทรายงามๆ ของเกาะไหหลำยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวตะวันตก และปัญหาความปลอดภัยในทะเลจีนใต้ เพราะข้อพิพาทเรื่องเกาะในทะเลจีนใต้ ที่จีนมีกับหลายประเทศ ผู้มาท่องเที่ยวใช้เงินตลอดจนซื้อเรือยอชท์จอดไว้ในอ่าวท่าเรือ ก็คือเศรษฐีคนจีนด้วยกัน หาดแถวนี้เป็นเสมือน ‘หาดริเวียร่าสุดหรูของฝรั่งเศส’มหาเศรษฐีจีนนิยมมาซื้อคอนโดไว้และบ้างก็ให้เมียน้อยอยู่
สำหรับผู้เขียน ไม่สามารถดูออกว่าคนจีนบนที่เดินๆ อยู่บนเกาะ คนไหนเป็นคนเกาะไหหลำ หรือว่าคนไหนมาจากที่อื่นในเมืองจีน ยิ่งขณะนี้คนเกาะไหหลำทั้งคนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง พูดภาษาจีนกลาง ผู่ทงฮว่า ได้กันทั้งนั้น มองไปทางไหนก็จึงเห็นเป็นคนจีนเหมือนกันหมด เพียงแต่ก็จริงอย่างที่ทำสถิตินักท่องเที่ยวไว้ ไม่ค่อยเห็นชาวตะวันตก แม้จะไปเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ตั้งครึ่งค่อนวันก็ตาม
ต่างจากเวลาไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองซีอาน หรือแม้แต่ที่คุนหมิง มีชาวตะวันตกให้เห็นเสมอ มากๆ เสียด้วย
นึกอยากรู้เหมือนกันว่า เกาะไหหลำมี ‘นักท่องเที่ยว’ ที่ไม่ใช่คนจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยกันเอง แต่เป็นลูกหลานของจีนไหหลำโพ้นทะเลแบบผู้เขียน เป็นจำนวนสักกี่เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี
แผนพัฒนาเกาะไหหลำ โดยเฉพาะถนนวงแหวนรอบเกาะ ทำให้ชาวหมู่บ้านชาวเมืองตื่นตัว เล็งกันว่าถนนจะเข้ามาใกล้หมู่บ้านและที่ดินตรงไหน ที่ดินในหมู่บ้านที่ลูกหลานพากันปล่อยให้พ่อแม่ตายายอยู่ ตัวเองไปทำงานในเมือง กลับมาเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราว มาถึงตอนนี้ ที่ดินในหมู่บ้านก็เริ่มจะน่าสนใจ ที่ตรงไหนครอบครัวมีสิทธิแต่ปล่อยให้ว่างเปล่ามาหลายปี ก็คิดจะปลูกสร้างอะไรให้เสมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน มีการใช้สอย หาไม่แล้ว หากปล่อยว่างๆ ไว้เกิน 10 ปี แว่วว่าทางการอาจออกกฎหมายเวนคืนได้
อย่างที่ดินของครอบครัวทางพ่อของผู้เขียน ที่หมู่บ้านเหลี่ยมทิ ไม่มีผู้อาศัย เพราะไม่มีลูกหลานเป็นชายสืบสายเลือดโดยตรงมาเป็นผู้ครอบครอง ญาติหญิงสายตรงทางฝ่ายพ่อ เธอแต่งงานออกไปอยู่ที่บ้านของสามี ผู้เขียนได้รับคำบอกว่าควรจะจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สร้างบ้านให้ญาติฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่เป็นคนอยู่คนดูแลก็ได้ หรือไม่ก็ให้หมู่บ้านใช้ที่เป็นประโยชน์สาธารณะ เช่น สร้างศาลาของหมู่บ้านไว้ ไม่ควรปล่อยว่างนานเกินไป
ก่อนจากญาติพี่น้องที่มารอพบวันนั้น ผู้เขียนได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ ด้วยว่าใครต่อใครทางเมืองไทยบอกว่าต้องเตรียมสตางค์ไปให้ญาติ กับทั้งเพราะเห็นแล้วว่าญาติๆ ที่ได้พบเป็นผู้สูงอายุกันทั้งนั้น ถือเสมือนว่า ซื้อขนมผลไม้ให้ญาติผู้ใหญ่รับประทาน เพราะไม่มีอะไรติดมือมาฝากเลย อีกทั้งญาติฝ่ายแม่ยังเป็นธุระจัดพิธีไหว้ให้อีก ของไหว้สำคัญคือ ไก่ ปลาคู่ และผลไม้ กระดาษเงินกระดาษทองอีกหลายพับเล็กๆ
ปรากฏว่าญาติฝ่ายพ่อ ทั้งญาติหญิงที่หมู่บ้านเหลี่ยมทิ และญาติชายที่ตลาด-องเขี่ยน รวมทั้งญาติฝ่ายแม่ที่หมู่บ้านบ่วนตัว ดวงตารื้นๆ แดงขึ้นมาทันที บนแก้มเหี่ยวย่นมีน้ำตาไหลเป็นสายเล็กๆ ต่างบอกว่าที่จริง ควรจะเป็นฝ่ายให้สตางค์ผู้เขียน เพราะอายุมากกว่า แต่เขาก็ไม่มีให้ จึงขอไม่รับ ผู้เขียนจึงต้องจับมือมาแล้วพับทั้งสี่นิ้วให้กำธนบัตรไว้ จึงรับไป พร่ำบอกว่าซาบซึ้งใจที่ผู้เขียนมีความรักความเคารพให้
หลังพิธีไหว้ มีลูกหลานญาติๆ มากินข้าวด้วยกันคับคั่ง พบว่าไก่ของหมู่บ้านแถวนี้มีเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อยมาก ผัดผักที่มาเพิ่มอีกหลายจานมีรสจืดสนิทและไม่มัน อันเป็นรสปกติของอาหารที่ได้กินบนเกาะไหหลำ ทั้งที่บ้าน ตลาด-องเขี่ยนและที่เมืองไหโข่ว
นอกจากเนื้อไก่ที่เลิศรส ห่านเลี้ยงแบบบ้านๆ ที่ต้มสุกแบบไก่บ้าน ไม่ต้องทำเป็นพะโล้หรือย่าง ไม่ต้องปรุงรสอะไร ตัดเป็นชิ้นๆ ขึ้นโต๊ะเหมือนเนื้อไก่ ก็หวานนุ่มอร่อยมาก ไม่เหม็นไม่คาว โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มรสเด็ดอะไร ที่ภัตตาคารเมืองไหโข่ว ไก่ที่จะขึ้นเหลาก็ต้องเป็นไก่บ่วนเซียว
กระนั้น ไปอยู่เกาะไหหลำ 10 วัน กินข้าว 3 มื้อทุกวัน ไม่มีมื้อไหนเป็นข้าวมันไก่เลย







