40 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน : เมียจีน เมียไทย ของคนจีนโพ้นทะเลไหหลำ

สิบวันที่เกาะไหหลำ ผู้เขียนวนเวียนอยู่แถวตลาดของอำเภอ องเถี่ยน กับอีกสองสามหมู่บ้านใกล้ๆ กัน
ในจังหวัดบ่วนเซียว ที่ภาษาจีนกลางเรียก เหวิน ชาง (Wen Chang) อยู่ห่างจากเมืองหลวงของมณฑล คือ เมืองไหโข่ว ในรัศมีร้อยกิโลเมตร
กลับมาเมืองไทยได้สองวัน ก็เป็นวันครบรอบสัมพันธ์ไทย-จีน 40 ปี 1 กรกฎาคม 2558 พอดี
40 ปีช่างรวดเร็วเหมือนพริบตาเดียว นับจากวันภาพประวัติศาสตร์ ที่ประธานเหมา เจ๋อ ตุง สัมผัสสองมือกับ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ด้วยมือของสองท่านผู้นำที่สัมผัสกันวันนั้นแท้ๆ ที่ได้เปิดทางให้ลูกครึ่ง พ่อจีนแม่ไทยที่เกาะไหหลำและอีกหลายมณฑลบนผืนแผ่นดินใหญ่ของจีน ได้พากันกลับมาหาพ่อแม่และญาติพี่น้องที่เมืองไทยได้อย่างเสรี หลังจากถูกปิดกั้น เรื่องราวทำนองนี้ผู้เขียนได้ยินนักต่อนัก ซึ้งใจกับเรื่องราวของพ่อแม่ลูกที่ได้พบหน้ากัน หลังจากพรากกันไปเป็น 20-30 ปี
แต่ที่เกาะไหหลำวันนี้ ได้พบหน้าค่าตาชายลูกจีนไหหลำ ที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยอยู่กับพ่อแม่เป็นเรื่องราวอีกด้านหนึ่ง
ขณะนี้เขาอายุ 72 ปี จากเมืองไทยไปเมื่ออายุ 11 ปี เพราะพ่อแม่ส่งตัวมาเกาะไหหลำ ให้อยู่แทนตัว เพื่อดูแลก๋งที่แก่ตัวลงทุกวัน เขายังพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลับเมืองไทยทำพิธีคารวะหลุมฝังศพบิดามารดาที่เมืองไทยเสมอๆ ใบอนุญาตเดินทางกลับเกาะไหหลำเพื่อไปเรียนหนังสือ ออกให้โดยกงสุลจีนที่เชียงใหม่ เขายังเก็บไว้จนถึงวันนี้ สำมะโนครัวบ้านพ่อแม่ที่เมืองไทยยังมีชื่อเขาอยู่
ผู้เขียนถามว่า ถ้าไม่ได้ถูกส่งตัวกลับมาเมืองจีนตอนอายุ 11 ขวบ ปี 2497 พอจะนึกออกไหมว่าชีวิตของเขาในขณะนี้จะเป็นอย่างไร
คำตอบจากปากในทันทีก็คือว่า เขาย่อมไม่ได้เรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัยอย่างที่เขาได้รับที่เมืองไหโข่ว ไม่ได้มีอาชีพเป็นครูจนปลดเกษียณมีชีวิตมั่นคงอย่างทุกวันนี้ เขาก็คงจะเป็นชาวนาปลูกพืชไร่เหมือนอย่างพ่อแม่และพี่ชายพี่สาวของเขาที่เมืองไทยเป็นแม่นมั่น
ชีวิตของเขาถึงวันนี้ดูจะดีแล้ว ที่เขาไม่กลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่เมืองไทย ทว่า สำหรับแม่ของเขา เธอทำถูกแล้วที่ติดตามไปอยู่กับพ่อที่เมืองไทย
ในแวดวงที่ผู้เขียนได้ฟังหญิงจีนที่ได้แต่รอคอยอยู่เบื้องหลัง ไม่ติดตามสามีออกจากเกาะไหหลำ ตกที่นั่งลำบาก (มาก) โดยเฉพาะเมื่อไม่มีลูก หรือมีแต่ลูกสาว และไม่ได้รับเงินทองที่สามีควรจะส่งมาให้ ดังเรื่องราวย่าเมืองจีนของผู้เขียนและลูกสาวคนเดียวของเธอ ที่ผู้เขียนไม่เคยเห็นทั้งสองคนและเพิ่งได้รู้รายละเอียด น่าสะเทือนใจมาก ว่าไปแล้วเมียเมืองไทยสองคนของก๋ง ที่คนหนึ่งเป็นย่าของผู้เขียน มีชีวิตที่ดีกว่าย่าเมืองจีนผู้อาภัพคนนี้มากนัก
ย่าเมืองจีนที่หมู่บ้านเหลี่ยมถี้ ซึ่งมีประมาณ 50 หลังคาเรือนผู้นี้ มีลูกสาวคนเดียว ไม่มีลูกชาย จึงทุ่มเทเลี้ยงดูบิดาของผู้เขียนที่เกิดจากเมียเมืองไทยของก๋ง เหตุผลที่ก๋งส่งไปให้ดูแลก็เพื่อรับการศึกษาอบรมแบบจีนเพราะเป็นลูกชายคนโต
เมื่อบิดาผู้เขียนขอกลับเมืองไทยหาแม่ที่แท้จริงของตน หลังไทยเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และไม่กลับไปเกาะไหหลำอีก ก๋งก็มาถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตายช่วงสงคราม ย่าเมืองจีนคนนี้จึงลำบากมาก แม้กระทั่งลูกสาวคนเดียวแต่งงานออกไป สามีก็จากมาเมืองไทยและมีเมียไทย ไม่กลับไปเมืองจีนอีก ลูกสาวจึงตัดสินใจกินยาตายเมื่ออายุ 30 กว่าปี ทิ้งลูกหญิงและลูกชายต่อสู้ชีวิตตามลำพัง
ลูกสาวของแม่ผู้กินยาตาย ร่ำไห้เล่าชีวิตตัวเองให้ผู้เขียนที่เป็นลูกผู้น้องฟัง เธออายุมากกว่าผู้เขียน 5 ปี ไม่รู้หนังสือ เขียนชื่อตัวเองไม่ได้ ร้องห่มร้องไห้เล่าว่า ต้องรับจ้างเลี้ยงควายตั้งแต่อายุ 11 เมื่อแม่กินยาตายใครเล่าจะส่งให้เรียนหนังสือ ได้แต่ร้องไห้กับควายทุกวัน พี่ชายเธอยังได้ไปเรียนอยู่บ้าง
มาที่อีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้ๆ กัน คราวนี้ได้พบสาวอุบลราชธานีนางหนึ่งวัย 40 ต้นๆ ติดตามสามีคนไหหลำผู้เป็นบิดาของลูกชาย 2 คน มาอยู่ที่เกาะไหหลำจนพูดจีนไหหลำได้ เธอมีปัญหาในการจะส่งลูกชายสองคนไปรายงานตัวที่เมืองไทย เพราะอายุครบเกณฑ์ทหาร ด้วยว่าจะต้องเสียค่าปรับให้ทางการจีนจำนวนมาก เพราะเข้าเมืองจีนมาโดยวีซ่าท่องเที่ยว และมาอาศัยอยู่เกินเวลามาแล้วหลายปี ผู้เขียนไม่สามารถให้คำแนะนำใดๆ เลย หวังว่าทางการไทยและจีนจะช่วยหาทางออกให้เธอได้
หมู่บ้านแถวจังหวัดเหวินชางนี้ ผู้เขียนมาครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นเคย ทั้งภูมิอากาศและภูมิประเทศอากาศร้อนชื้น เขียวชอุ่ม มีท้องไร่ท้องนา ปลูกข้าวปลูกพืชไร่ เหมือนอยู่ในอำเภอในจังหวัดและในหมู่บ้านของไทยทางอีสาน และภาคเหนือตอนบน เช่น ที่ ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน เข้าใจได้ว่าทำไมคนจีนไหหลำรู้สึกคุ้นเคยหากไปอยู่เมืองไทยแถวนั้น หรือถ้าหากมีสาวไทยติดตามสามีมาอยู่ที่เกาะไหหลำ สาวอุบลฯ คนที่ว่านี้ พอใจชีวิตเกษตรกรที่เกาะนี้ทีเดียว เมื่อเทียบกับทำนาที่อุบลฯ เธออยากอยู่เกาะไหหลำต่อไป เธอเป็นภรรยาคนเดียว ลูกชายสองคนที่เธออยากให้ไปเกณฑ์ทหารรักษาสิทธิ์เป็นคนไทยนั้น ญาติที่อุบลฯยินดีดูแลให้
40 ปี ความสัมพันธ์ระดับผัวจีนเมียไทย เปลี่ยนโฉมหน้าไปแล้วจริงๆ
สภาพเมียเมืองจีนคนหนึ่งกับเมียเมืองไทยอีกคนหรือสองคน ร่วมสามีเดียวกัน อย่างเช่นเมื่อสองสามชั่วคนที่ผ่านมา คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว







