ห้ามขายเหล้ารอบสถานศึกษา 300 เมตร ก็ดีอยู่ แต่ยังดีไม่พอ!

ในที่สุดคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีมติเห็นชอบในการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
และอาชีวศึกษาในระยะ 300 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นให้โรงแรมและพื้นที่หรือโซนนิ่งที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานบริการ ทั้งนี้ จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาและออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อบังคับใช้ต่อไปหลังจากที่ยืดเยื้อกันมานานหลายปี
หลังจากมีมติดังกล่าวออกมา ก็กลายเป็นประเด็นสังคมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง มีทั้งกระแสต่อต้านและเห็นด้วย กลุ่มที่ต่อต้านมักจะเป็นผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ แน่นอนที่สุดในจำนวนนี้มีกลุ่มผู้ประกอบกิจการร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานบริการ ที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกจากนี้ ยังมีนักวิชาการบางท่านที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเหตุผลโดยรวมก็เป็นในทำนองที่ว่า “เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” บ้างก็ว่า “ถึงออกกฎหมายมาบังคับใช้ นักศึกษาก็คงออกไปดื่มสุรากันอยู่ดี เพราะไม่มีอะไรทำตอนเย็นๆ ถึงค่ำๆ และก็หาทางไปดื่มได้อยู่ดี”
หรือไม่ก็บอกว่า “อยู่ที่มหาวิทยาลัยเรียนมาทั้งวันแล้ว เครียด ต้องหาทางออกโดยการไปสังสรรดื่มสุรากับเพื่อนๆ”
ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี และต้องบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยให้สภาพแวดล้อมรอบมหาวิทยาลัย เป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างแท้จริง ปัญหาต่างๆ เช่น การตั้งครรภ์ในวัยเรียน การถูกรีไทร์ การทำแท้ง จะลดลงไป
ดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมรอบมหาวิทยาลัยเอื้อต่อการเรียนรู้ มีอบายมุขและแหล่งบันเทิงน้อยลง การที่เด็กจะชวนกันไปร้านเหล้า ก็ต้องเป็นการตั้งใจไปจริงๆ ทำให้คุมเด็กได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มีงานวิจัยมารองรับแล้วว่า ปริมาณการดื่มมีผลโดยตรงกับสถานที่ที่ไปดื่ม ยิ่งอยู่ห่างออกไปปริมาณการดื่มก็จะน้อยลง
ในขณะเดียวกัน มีความคิดเห็นอีกแนวทางหนึ่ง เป็นไปในทิศทางสนับสนุนกับการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา แต่ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดระยะเพียง 300 เมตร เพราะเห็นว่าน้อยเกินไป ห้ามไปก็ไม่เกิดผลแต่ประการใด ซึ่งในกลุ่มนี้มีความเห็นว่า หากจะให้ได้ผลจริง อย่างน้อยควรกำหนดระยะทาง 2 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น
ในทัศนะของผู้เขียนนั้นเห็นด้วย และสนับสนุนการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา และเห็นด้วยว่าน่าจะกำหนดระยะทางมากกว่า 300 เมตร ตามที่คณะกรรมการฯ มีมติกำหนดไว้ เพราะหากพิจารณาถึงเจตนารมณ์ในการออกกฎหมายดังกล่าวนี้ ก็เพื่อปกป้องคุ้มครองเยาวชน โดยใช้หลักความไม่สะดวก กล่าวคือเป็นการทำให้เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยากขึ้น (หาซื้อหาดื่มยากลำบากขึ้น) ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชน อาจดูเหมือนการแก้ไขที่ปลายเหตุบ้าง แต่ก็เป็นหนึ่งมาตรการที่ช่วยในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา
ผู้เขียนเชื่อว่า เมื่อรอบๆ สถานศึกษาหาซื้อหรือหาดื่มได้ยากลำบากขึ้น ก็มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดจะดื่ม อาจเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นๆ แทนได้ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ทำการบ้าน เล่นกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มที่ไม่ได้คิดจะดื่มหรือไม่นิยมการดื่มอยู่แล้ว ก็มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ออกไปดื่มกับเพื่อนได้ง่ายขึ้น
อีกประการหนึ่ง การมีร้านเหล้า ผับ บาร์ หรือแหล่งบันเทิงอันเป็นแหล่งอบายมุขอยู่ใกล้กับสถานศึกษา แถมยังไปมาได้สะดวก ก็กลายเป็นสิ่งกระตุ้นจูงใจให้อยากไปนั่งดื่มเหล้ากันมากขึ้น ถ้าไม่เห็น แล้วยังอยู่ไกลอีก ก็ช่วยลดแรงจูงใจในการอยากดื่มไปได้มากทีเดียว
ส่วนรายที่บอกว่า ร้านอยู่ไกลแค่ไหนก็อยากดื่ม เข้าทำนองติดผับ ติดบาร์ เผลอๆ ติดใจรสสุราด้วย พวกนี้คงห้ามไม่ได้ด้วยมาตรการนี้ ก็ต้องหามาตรการอื่นๆ มาใช้แทน ซึ่งมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีใช้บังคับอยู่หลายมาตรการด้วยกัน รวมไปถึงมาตรการที่ไม่ใช้กฎหมาย เช่น การรณรงค์ การจัดกิจกรรมลด ละ เลิกเหล้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชนก็มีอีกมากมาย
ดังนั้น มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาดังกล่าว จึงนับว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่ได้ผลในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกลุ่มนักศึกษาซึ่งยังเป็นเยาวชน และเป็นกำลังของชาติในอนาคต
ดีกว่าปล่อยให้รอบๆ สถานศึกษาเต็มไปด้วยสถานบริการหรือแหล่งอบายมุข มองเข้าไปก็เห็นแต่น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเยาวชนนั่งดื่มกิน เมาสุรากันเต็มไปหมด และชีวิตก็ผูกอยู่กับความเสี่ยงจากการทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย การล่อลวงอนาจาร เหล่านี้เป็นต้น
ภาพเหล่านี้ควรอยู่รอบๆ สถานศึกษาหรือ ?
------------------
ผศ.ดร.บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก







