อังคารปะทะเสาร์

ย้อนกลับไป 700 ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นช่วงเวลาที่ชาวแคลเดียน (Chaldean) หรือโหราจารย์แห่งอาณาจักร Neo-Babylonian
กำลังพัฒนาโหราศาสตร์ในระบบของตนเอง
หลักเกณฑ์ (Criteria) สำคัญของพวกเขา คือ “ปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์จะได้รับความสนใจ ก็ต่อเมื่อมันเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์” ซึ่งแปลความง่าย ๆ ได้ว่า ในโหราศาสตร์ ให้ยึดถือปรากฏการณ์ดวงดาวที่เห็นได้ด้วยตา (เปล่า) เท่านั้น
ในมุมกลับ ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ย่อมมี “ความหมาย” ทางโหราศาสตร์ด้วย เช่น ดาวหาง ดาวตก ธูมเกตุ ฯลฯ เมื่อปรากฏบนท้องฟ้า ย่อมสามารถตีความและเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ บนโลกตามนัยของโหราศาสตร์
ดาวที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ามี 7 ดวง คือ อาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัส และเสาร์ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ (1) ศุภเคราะห์ - ดาวที่ให้คุณได้แก่ พฤหัส-ศุกร์-จันทร์ (เพ็ญ) (2) สมพระเคราะห์ - ดาวที่เป็นกลาง ได้แก่ อาทิตย์-พุธ (3) บาปเคราะห์ - ดาวที่ให้โทษ ได้แก่ อังคาร-เสาร์
นักโหราศาสตร์ยุคปัจจุบันทราบกันแล้วว่า การให้คุณให้โทษของดวงดาว ขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น ราศีที่สถิต (Sign) มุมดาว (Aspect) ฯลฯ ดาวจึงไม่ดีร้ายในตัวเอง แต่ขึ้นกับเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การแบ่ง 3 กลุ่มดังกล่าวตามคติโบราณ ก็ยังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำนายดวงกาลชะตา (Horary Astrology)
อังคาร-เสาร์ถือเป็นดาวร้ายมาตั้งแต่โบราณ ว่าตามความหมายพื้นฐาน อังคารคือการปลดปล่อยพลังงาน เช่น การกระทำ การแข่งขัน การต่อสู้ การรบ สงคราม ฯลฯ ขณะที่เสาร์คือการควบคุมจำกัดพลังงาน เช่น กฎระเบียบ ความเฉื่อย การขาดแคลนความล่าช้า ภัยพิบัติ ฯลฯ
คุณสมบัติของทั้งคู่ตรงข้ามกัน ดังนั้น เมื่อใดที่เจอกัน มักก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความตึงเครียด อุบัติเหตุ เภทภัย วิกฤติการณ์ ฯลฯ ดังที่โหรไทยเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า “คู่แตกหัก”
ย่างเข้าเดือนพฤษภา 58 จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่ออังคารโคจรในราศีพฤษภ เข้าเล็งกับเสาร์ที่จรในราศีพิจิกเรียกสั้นๆ คือ “อังคารเล็งเสาร์” หรือ “อังคารปะทะเสาร์” นั่นเอง
อังคารยกเข้าพฤษภในวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 1:24 น. แล้วก็เดินหน้าเรื่อยไป จนสุดราศีและยกเข้าเมถุนในวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 2:39 น. มีจังหวะดาวที่น่าสนใจหลายประการ แต่ก่อนจะลงรายละเอียดดาวจร เราควรศึกษาดาวเดิมในพื้นดวงเมืองไทยเสียก่อน
ลัคนาดวงเมืองสถิตราศีเมษ อังคารคือดาวครองราศีเมษ (เกษตร์) อังคารจึงเป็นดาวเจ้าเรือนลัคนา นี่คือจุดสำคัญมากลัคนาจะเข้มแข็งหรือไม่ ขึ้นกับอังคารเป็นสำคัญอังคารยังเป็นดาวเจ้าเรือน 8 (มรณะ) อีกด้วย อังคารอยู่พฤษภ เป็นปรเกษตร์ - อ่อนแอ ทำไมโหรจึงวางฤกษ์เช่นนี้ ?
เพราะโหรท่านยึดหลักโหราศาสตร์ภารตะ อังคารอยู่เรือนศุกร์ ศุกร์อยู่มีน เป็นอุจจ์ - เข้มแข็งมาก พลอยทำให้อังคารเข้มแข็งไปด้วย อังคารเข้มแข็ง ลัคนาจึงเข้มแข็งด้วยเช่นกัน นี่คือแนวคิดของท่าน
อังคารยังทำมุม 120 กับทศมลัคน์ (MC) และพลูโตสนิทพลูโตคืออำนาจ ทศมลัคน์คือการเมือง อังคารคือทหาร แปลว่าอำนาจทางการเมืองได้รับการสนับสนุนค้ำจุนจากทหาร หรือในมุมกลับ ทหารสามารถ Exercise อำนาจทางการเมืองได้
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามที่สงสัยและคาดเดากันมานาน แต่อย่าลืมว่า ขณะที่วางฤกษ์ดวงเมืองนั้น ไม่มีโหรคนใดในโลกรู้จักดาวพลูโต นั่นหมายความว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เจตนาของโหรผู้วางฤกษ์
เสาร์เป็นดาวเจ้าเรือน 10 (กัมมะ) ซึ่งหมายถึงการเมือง การปกครอง การบริหารประเทศ ฯลฯ เสาร์จึงเป็นดาวสำคัญมากอีกดวง เสาร์อยู่ธนู ร่วมกับพฤหัสที่เป็นดาวเจ้าราศี ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่แท้จริงกลับอ่อนแอ เพราะ (1) เสาร์อยู่ภพ 9 เป็นวินาศแก่เรือนตัวเอง (2) ถูกเกณฑ์ 8 จากอังคาร (3) ทั้งเสาร์-พฤหัสล้วนอยู่ในจังหวะ “วิกลคติพักร์ (Stationary-retrograde)” ให้คุณได้ไม่ยั่งยืน - มีโอกาสพลิกผันให้โทษได้ (4) เสาร์ยังทำมุมเล็ง 180 องศาสนิทกับมฤตยู
พฤหัสคือกฎหมาย ระบบ กระบวนการยุติธรรม ฯลฯ เสาร์คือปัญหา อุปสรรค การจำกัด กีดขวาง ฯลฯ มฤตยูคือนอกกรอบ บิดเบือน ต่อต้าน เป็นขบถ ฯลฯ รูปธรรมประการหนึ่งของเสาร์ที่อ่อนแอให้โทษ คือ ปัญหาของกระบวนการนิติบัญญัติและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงองค์ประกอบของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด
อังคาร-เสาร์ในพื้นดวง (Natal Chart) เบียนกันเมื่อต่างเป็นดาวจร (Transit) เข้าปะทะกัน เช่น เล็ง 180- ทำมุม 90 องศา จึงมีแนวโน้มสูงที่จะให้โทษ ส่วนจะให้โทษมาก-น้อย ขึ้นกับองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย
ข้อยกเว้นประการเดียวของการปะทะคือ มุมกุม 0 องศา (Conjunction) ซึ่งเป็นได้ทั้งคุณและโทษ นักโหราศาสตร์จำต้องวิเคราะห์และพิจารณามุมนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ตัวอย่างการให้คุณของอังคารกุมเสาร์ เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2557 เมื่ออังคารกุมเสาร์สนิทในราศีตุลย์และเล็งลัคนาดวงเมืองสนิทพอดีเช่นกัน หลายคนว่า ดวงแตกกำลังสอง ใคร ๆ ก็กังวลว่า จะเกิดปฏิวัติซ้ำแต่ (ผู้เขียน) ทำนายไว้ในงานสัมมนา “นักเศรษฐศาสตร์ปะทะโหราจารย์ : อนาคตเศรษฐกิจไทย 2557” ว่า การเมืองจะสงบและได้รัฐบาลใหม่ในเดือนสิงหา 57
(อ่านรายละเอียดได้ที่ http://thaipublica.org/2014/01/thailand-economic-forecast/)
และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามคำทำนายสนช.เลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯในวันที่ 25 สิงหาคม และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯครม.ในวันที่ 31 สิงหาคม ถือเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำนายล่วงหน้าถึง 8 เดือน (ขณะที่กปปส.ยังรวมพลบนถนนกันอยู่เลย) ทั้งทำนายในที่สาธารณะและคำทำนายถูกบันทึกและเผยแพร่ไปทั่ว !
อังคารจรปะทะเสาร์จรครั้งนี้ มีอะไรที่ควรระมัดระวัง ?
ภาพใหญ่ที่ควรคำนึงคือ ทั้งคู่เล็งกันในราศีพฤษภ-พิจิก อันเป็นภพที่ 2 และ 8 ของดวงเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเงิน-การคลัง-เศรษฐกิจของประเทศทั้งในส่วนของตัวเองและหุ้นส่วนคู่ค้า
มีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกกลบเกลื่อนไว้ จะปะทุลุกลามเป็นวิกฤติศรัทธา และกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ทางการเมือง
เมื่อดูจังหวะดาวในรายละเอียด เราพบว่า ช่วงเวลาที่มุมดาวตึงเครียดและมีโอกาสเกิดเหตุการณ์สำคัญนั้น ค่อนข้างถี่และต่อเนื่องตามกัน จนแทบไม่มีช่วงหยุดพักเลย
เริ่มต้นเมื่ออังคารเข้าพฤษภในวันที่ 4 พฤษภา เพียงไม่กี่วัน อังคารก็เข้าเล็งเสาร์แล้ว (Orb 5 องศา) โดยเล็งสนิทในวันที่ 15 พฤษภา ที่ 8 องศา 9 ลิปดา จากนั้น อาทิตย์เข้าเล็งเสาร์ โดย “เสาร์เพ็ญ” ในวันที่ 23 พฤษภา ที่ 7 องศา 34 ลิปดาในราศีพิจิก
อาทิตย์จรหาอังคาร เข้าข่าย “อังคารดับ” ตั้งแต่ 26 พฤษภา-3 กรกฎา จนดับสนิท (Combustion) วันที่ 14 มิถุนา ที่ 29 องศา 13 ลิปดาในราศีพฤษภ พร้อมกันนั้น เกิดอมาวสี (จันทร์ดับ) ซ้ำ ในวันที่ 16 มิถุนา ที่ 1 องศา 3 ลิปดาในราศีเมถุน ช่วงกลางมิถุนา จันทร์อังคารดับพร้อมกัน อันตรายมาก
ตั้งแต่ 4 พฤษภา -24 มิถุนา ดวงดาวจัดให้ชุดใหญ่ รัฐบาลไม่ควรประมาท ที่สำคัญ ยังมีจังหวะดาวร้ายอีกหลายชุด ถ้าพลาดแล้ว แก้ยาก-เรื่องยาวแน่ครับ







