วิบากกรรมไทย นอกจาก ICAO ยังมี FAA

วิบากกรรมไทย นอกจาก  ICAO ยังมี FAA

แม้สายการบินจากไทยจะสามารถบินเข้าญี่ปุ่น ในช่วงก่อนสงกรานต์ ถึงปลายเดือนพฤษภาคม

 ตาม MoU ระหว่างกระทรวงคมนาคมไทยกับกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น แต่ปัญหาที่กำลังจะตามมายังมีอีกหลายด้านที่ต้องแก้ไขกันอย่างเร่งด่วน ต่อเนื่องและเอาจริงเอาจัง

เพราะการห้ามเครื่องบินจากไทยเข้าประเทศจะไม่หยุดอยู่แค่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ประเทศอื่น ๆ ก็เริ่มจะดำเนินมาตรการคล้ายกัน เพราะเขาต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เข้าประเทศเขา

ข่าวบอกว่าจีนกับเกาหลีใต้ก็กำลังเดินตามญี่ปุ่น

ประเทศในสหภาพยุโรปและสิงคโปร์ ก็บอกว่าจะเริ่มตรวจมาตรฐานการบินของไทยอย่างเข้มข้นมากขึ้น

ออสเตรเลียก็บอกสำนักข่าวต่างประเทศว่า จะตรวจสายการบินจากไทยหนักขึ้น ทั้งตัวเครื่องบิน และเอกสารที่เกี่ยวกับการบินและตัวอากาศยานเอง

เพราะองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO บอกว่าการตรวจสอบของเขาพบว่าเขามี ความน่ากังวลด้านความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ หรือ Significant Safety Concern

คำนี้มีผลอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เพราะเท่ากับเขาไม่ยอมรับมาตรฐานการตรวจสอบของกรมการบินพลเรือนแล้ว

และไม่มีใครรู้ว่าแผนปรับปรุงที่เรียกว่า Corrective Action Plan (CAP) ที่ฝ่ายไทยจะส่งไปให้ ICAO ซึ่งจะต้องมาตรวจสอบอย่างละเอียดและต้องใช้เวลาพอสมควรนั้นจะเสร็จเมื่อไหร่

ระหว่างนี้ก็เท่ากับว่าสายการบินไทยที่มีจุดหมายหมายทางต่างประเทศ ก็ถูกมองด้วยความน่าสงสัยคลางแคลง ในด้านความปลอดภัยทั้งสิ้น

หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นไปได้ว่าองค์กรการบินพลเรือนของสหรัฐ หรือ US Federal Aviation Administration (FAA) อาจเริ่มตรวจสอบมาตรฐานการบินของไทยเอง

ซึ่งจะส่งผลให้อเมริกาและสหภาพยุโรปเริ่มห้ามเครื่องบินไทยเข้าตลาดของเขาได้เช่นกัน

แม้ว่าประเด็นปัญหาที่เกิดกับไทยในขณะนี้ จะไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในช่วงหลัง แต่ก็หนีไม่พ้นว่าภาพลักษณ์รวมของการบินพาณิชย์ของไทยเรา จะถูกกระทบอย่างแรงโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศ และภาพลักษณ์ทางการเมืองของไทย กำลังเป็นที่จับตาของทั้งโลก

ภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างนี้ ย่อมซ้ำเติมปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในหลาย ๆ ด้าน

หาก FAA สหรัฐ เข้ามาตรวจมาตรฐานการเบินของไทยอย่างเข้มข้นเหมือนกับที่เคยทำกับอินโดนีเซีย ไทยเราก็จะเผชิญกับความเสี่ยงรูปแบบใหม่เพิ่มเติม

สำหรับ FAA หากเป็น ประเภทหนึ่ง หรือ Category 1 ก็หมายความว่าไม่มีประเด็นด้านความปลอดภัย เครื่องบินประเทศนั้นสามารถบินเข้าสหรัฐตรงโดยไม่หยุดที่ไหนได้

แต่หากถูกลดลงเป็น ประเภทสอง หรือ Category 2 แปลว่าอยู่ใน บัญชีเฝ้ามอง และห้ามบินตรงเข้าสหรัฐจากประเทศต้นตอ

สหภาพยุโรปก็มีการตรวจมาตรฐานการบินของแต่ละประเทศเช่นกัน กรณีอินโดฯ ก็เจอกับการห้ามบินเข้ากลุ่มประเทศอียูเหมือนกันยกเว้นบางสายการบินเช่นการูดาที่ต้องขอเป็นกรณีพิเศษ

ฟิลิปปินส์ก็เคยสอบตก ICAO และถูก FAA ลดมาอยู่ ประเภทสอง ในปี 2008 และกว่าจะได้รับการยอมรับกลับไปสู่ภาวะปกติก็ตกเข้าเดือนเมษายนของปี 2013 และ 2014 ตามลำดับ

ต้องใช้เวลาถึง 5-6 ปีจึงจะคืนสู่ภาวะเดิม ซึ่งมีผลเสียหายต่อการบินและเศรษฐกิจรวมถึงสถานภาพของประเทศในเวทีสากลอย่างร้ายแรงยิ่ง

ถ้าสายการบินประเทศไทยถูก FAA ลดขั้นลงมาเหมือนที่ฟิลิปปินส์เคยโดน ผลเสียหายจะไม่ใช่แค่ไม่ได้บินเข้าสหรัฐ แต่จะกระทบถึงการร่วมใช้โค้ดการจองตั๋วเครื่องบินกับสายการบินสหรัฐด้วย

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก...แม้จะใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 แล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถแก้ไขได้โดยฉับพลัน

  จำต้องยกเครื่องกันอย่างฉุกเฉิน หนักหน่วงและเด็ดขาดจริง