จังหวัดที่น่าลงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวมากที่สุดของประเทศไทย!

จังหวัดที่น่าลงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวมากที่สุดของประเทศไทย!

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า แผ่นดินนี้ต้องอาศัยการท่องเที่ยวเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจ ก็เราเป็นที่ 7 ของโลกด้านขนาดของรายรับจากการท่องเที่ยวนี่นา

ถ้าเช่นนั้นเราควรลงทุนที่จังหวัดอะไร


กองประสานการลงทุน ฝ่ายลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้มอบหมายให้สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะจัดทำดัชนีความน่าลงทุนผลการจัดลำดับก็เป็นไปตามความคาดหมายคือ จังหวัดชายทะเลครองตำแหน่ง 1 - 3 ได้แก่ ชลบุรีภูเก็ตและสงขลา ส่วนจังหวัดที่ไม่มีชายทะเลแต่มีศักยภาพรองลงมาเช่น เชียงใหม่ (4) นครราชสีมา (5) (รายชื่อ 40 จังหวัดที่น่าลงทุนแสดงในตารางที่ 1) การที่จังหวัดชายทะเลมาแรงก็ไม่เป็นที่น่าสงสัย เพราะความต้องการพักผ่อนท่องเที่ยวในโลกนี้อยู่ที่ Sun Sand Sea ดังนั้น จังหวัดที่มีชายทะเลจึงนับว่าโชคดีไป ส่วนจังหวัดที่ไม่มีชายทะเลก็ต้องมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งถึงจะติดท็อปทเวนตี้ได้ หรือต้องมีลักษณะเป็นชุมทางซึ่งสมัยนี้เรียกกันว่า ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ เช่น นครราชสีมา (5) ขอนแก่น (8) หรือเป็นเมืองชายแดน เช่น อุดรธานี (10) หรือเชียงราย (16)


วิธีการจัดลำดับจังหวัดน่าลงทุนด้านท่องเที่ยวของประเทศไทยที่กล่าวมาแล้วมี 3 ขั้นตอนคือ 1) คำนวณหาศักยภาพหรือโอกาสทางตลาดซึ่งเป็นด้านดีมานด์ก่อน 2) เลือกจังหวัดที่มีศักยภาพทางการตลาดปานกลางถึงสูงมาจัดลำดับศักยภาพการรองรับ (ด้านซัพพลาย) และ 3) รวมกันเป็นดัชนีความน่าลงทุนระดับจังหวัด


ดัชนีโอกาสทางการตลาดมาจากดัชนีกลุ่มย่อย 2 กลุ่มคือ แนวโน้มตลาดท่องเที่ยวและความมีเสถียรภาพของตลาด ซึ่งจังหวัดที่มีโอกาสทางการตลาดสูงสุด 10 จังหวัดแรก ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา สงขลา ตราด และระยอง


ดัชนีศักยภาพในการรองรับระดับจังหวัดเป็นดัชนีด้านซัพพลาย ประกอบด้วยกลุ่มดัชนีย่อย 3 กลุ่มคือ 1) กลุ่มสิ่งดึงดูดใจ ซึ่งมีกลุ่มตัวชี้วัดย่อยคือ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านวัฒนธรรม 2) กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีกลุ่มตัวชี้วัดย่อย ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐาน กลุ่มสาธารณูปโภคขนส่งทางบก ทางอากาศ เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร และกลุ่มทรัพยากรมนุษย์ และ 3) กลุ่มดัชนีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนภาคการท่องเที่ยวได้แก่ สภาพสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และสุขภาพอนามัย


จังหวัดที่เป็นเมืองใหญ่และมีโอกาสการลงทุนสูงอาจลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบ Life style ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าโรงแรมและร้านอาหาร เพราะยังประกอบไปด้วยธุรกิจบันเทิง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นบาร์เบียร์และอาบอบนวดเท่านั้น อาจจะเป็นหอศิลปะ (Art gallery) พิพิธภัณฑ์กลางคืนประเภท Ripley’s พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนแบบ 3 มิติพิพิธภัณฑ์หุ่นและมายากลที่ผู้ชมมีส่วนร่วม สถานลีลาศแบบคลาสสิกที่ใช้วงดนตรีประเภท Chamber music หรือร้านกาแฟกลางแจ้งที่มีกีตาร์คลาสสิกหรือไวโอลินเพราะๆ ส่วนผู้มีที่ดินที่ทิ้งร้างว่างเปล่าในเมืองอาจนำที่ดินมาทำสวนดอกไม้หรือร้านหรือบูธกาแฟในสวนเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป มานั่งจิบกาแฟ ก็เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่เมือง นอกจากนั้น อาจลงทุนด้านกีฬา เช่น เทนนิส สควอช ฟุตซอล เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้ชีวิตราตรีของไทยในเมืองท่องเที่ยวหลักมีวัฒนธรรมที่เป็นอารยะมากขึ้น


นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในจังหวัดที่มีประชากรและนักท่องเที่ยวหนาแน่น ยังต้องการการลงทุนใน Theme park สำหรับนักท่องเที่ยวไทยและจีน สวนสนุกสำหรับครอบครัวที่เชียงใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ต้องลงทุนมากเท่ากับดิสนีย์แลนด์ แต่อาจทำเป็นสวนสนุกแบบไทยโดยการจำลองมาจากงานวัด มียิงปืน ปาเป้า ชกมวยน้ำ และมีการขายอาหาร เช่น โรตีสายไหม ขนมครก เป็นต้น ส่วนสวนสนุกนี้ก็ต้องเหมาะสมกับลักษณะของเมือง เช่น สวนสนุกประเภทป่ามรกตสำหรับพังงาและกระบี่ ซอฟท์แอดเวนเจอร์ และกิจกรรมทางน้ำสำหรับเมืองที่ขาดน้ำเช่นอุดรธานี เป็นต้น


ยังมีกิจกรรมที่น่าลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น บริการให้เช่ารถหรู บริการแพห้องเย็น และดิลิเวอรี่อาหารทะเล เป็นต้น การผลิตผักปลอดสารพิษ และสวนผลิตดอกไม้สด รวมทั้งสถาบันสอนภาษา สถาบันฝึกบุคลากรด้านสปา และ Hospitality เบื้องต้น ซึ่งขาดแคลนมากทั้งเทราปิสต์สปา เชฟ พนักงานผสมเครื่องดื่ม ฯลฯ


เมื่อเห็นลำดับจังหวัดน่าลงทุนก็อยากจะเชิญชวนผู้มีทรัพย์ไปลงทุนนะคะ อยากให้มีนวัตกรรมด้านการลงทุนอย่างที่กล่าวมาแล้วการท่องเที่ยวไทยจึงจะหลากหลายอย่างมีคุณภาพ ส่วนกลุ่มดัชนีย่อยค่อยมาดูกันทีละกลุ่มในคราวต่อไปนะคะ ซินนี้ฮวดไช้ค่ะ!!