‘ฤดูคราส’ มีนา-เมษา 58

‘ฤดูคราส’ มีนา-เมษา 58

โดยปกติ การทำนายชะตาเมืองกับชะตาบุคคลจะแตกต่างกัน เพราะแม้เป็นอิทธิพลดาวเดียวกัน แต่น้ำหนักที่กระทบแต่ละดวงชะตาก็ไม่เท่ากัน

ตัวอย่างเช่น กลุ่มดาวที่เลยดาวเสาร์ออกไป (Transaturnian) คือ มฤตยู เนปจูน พลูโต ซึ่งเป็นดาวเคลื่อนที่ช้า จะส่งผลต่อดวงเมืองค่อนข้างมาก แต่เห็นผลกระทบได้ยากในดวงบุคคล ในมุมกลับ ดาวเคลื่อนที่เร็ว เช่น อังคาร จะส่งผลต่อดวงบุคคลอย่างมาก แต่กระทบดวงเมืองน้อย


แต่มีปัจจัยหนึ่งซึ่งส่งผลอย่างมากต่อดวงชะตาทั้ง 2 กลุ่ม นั่นคือ “คราส” หรือ “อุปราคา”


คำว่า “คราส” มาจากรากศัพท์สันสกฤต “ครัสตะ” ที่แปลว่า กลืน กิน ถือเอา จับกุม คำว่า “อุปราคา” มาจากรากศัพท์สันสกฤตเช่นกัน คือ “อุปราคะ” อันแปลว่า การทำให้มืดมัว ความทุกข์ ความเศร้าหมอง


ดังนั้น คราส / อุปราคา (Eclipse) หมายถึงการที่วัตถุบนท้องฟ้าถูกบดบังไปชั่วขณะหนึ่ง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ สุริยคราส (Solar Eclipse) และจันทรคราส (Lunar Eclipse)


สุริยคราส คือ อาทิตย์ดับแสงเพราะจันทร์บังอาทิตย์ เกิดขึ้นในวันจันทร์ดับ (อมาวสี) ขณะที่จันทรคราส คือ จันทรดับแสงเพราะเงาโลกบัง เกิดขึ้นในวันจันทร์เพ็ญ (ปูรณมี)


ทุกเดือนมีจันทร์ดับ-จันทร์เพ็ญ ทุกเดือนต้องมีสุริยคราส-จันทรคราสหรือ ? คำตอบคือไม่ใช่ คราสจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจุดอมาวสี-จุดปูรณมีเข้าใกล้ “ราหู” ในระยะเชิงมุมหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “ปริครห (Ecliptic Limit)”


คราสถือเป็นเรื่องใหญ่ทางโหราศาสตร์ มีการบันทึกอย่างละเอียดตั้งแต่โบราณ ในคัมภีร์ Almagest (ค.ศ.145) คลาวดิอุส ปโตเลมี (Claudius Ptolemy) กล่าวว่า เขาได้เข้าถึง “ปูมคราส 900 ปี” ซึ่งเริ่มบันทึกในสมัยกษัตริย์ Nabonassarของอาณาจักร Neo-Babylonian (และยังได้ “ปูมโหร” ช่วง 747 - 668 ก่อนค.ศ.อีกด้วย)


ปโตเลมียังกล่าวถึงคราสในคัมภีร์ Tetrabiblosเล่ม 2 ด้วยว่า “...เป็นปัจจัยสำคัญและทรงอิทธิพลที่สุด...” ในการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบทที่ 9 ปโตเลมีอธิบายถึงความรู้ของชาวบาบิโลนเกี่ยวกับคราส โดยเฉพาะ “สีสัน” และ “ลักษณะการเกิด” ซึ่งมีผลต่อการพยากรณ์


เช่นเดียวกับท่านวราหะ มิหิรา (Varaha Mihira) สุดยอดโหราจารย์อินเดีย ที่ให้ความสำคัญและกล่าวถึงคราสไว้ในคัมภีร์ “พฤหัสสังหิตา” บทที่ 5 เป็นจำนวนถึง 98 โศลก เช่น ในโศลกที่ 16 กล่าวไว้ว่า...


“...การเกิดคราสอาทิตย์และจันทร์ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติตามธรรมชาติ ไม่ถือว่าเป็นลางร้ายที่น่ากลัวอะไรมากมายนัก มีข้อสำคัญอยู่ที่ว่า ในขณะที่เกิดคราสนั้น มีปรากฏการณ์ที่น่ากลัวอย่างอื่น ๆ เกิดขึ้นพร้อมกันอีกด้วยหรือเปล่า เช่น ถ้าเกิดมีผีพุ่งไต้ ลูกอุกกาบาตตก ดาวหางขึ้น ฯลฯ ท่านว่า เป็นลางร้ายที่น่ากลัวอย่างยิ่ง...”


คราสเป็นปรากฏการณ์ปกติ เกิดขึ้นทุกปี อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง แต่บางปีก็มีคราสเยอะ ปีไหนมีคราสเยอะ ปีนั้นนักโหราศาสตร์ระวังมากเป็นพิเศษ


เช่น ปี 2554 เกิดคราสถึง 6 ครั้ง เป็นสุริยคราส 4 จันทรคราส 2 โดยเป็นจันทรคราส - สรรพคราส (เต็มดวง) ทั้ง 2 ครั้ง ขณะที่สุริยคราสไม่มีสรรพคราส ปีนั้นนายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ และได้นายกฯหญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร


ในทางเศรษฐกิจ มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ทำให้กิจการรายย่อยเสียหายหนัก ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นมาก มีโครงการจำนำข้าวที่ 15,000 บาท/ตัน อันนำมาซึ่งคอร์รัปชันและความสูญเสีย (เฉพาะ) ภาครัฐถึง 700,000 ล้านบาท


แต่ที่หนักหนาสาหัสที่สุด คือ มหาอุทกภัยช่วงเดือนกันยายน- ตุลาคม ซึ่งฉุดให้เศรษฐกิจประเทศไทยตกต่ำ - ชะลอตัวไปถึง 2 ปี


อีกปีคือ 2556 ที่เกิดคราส 5 ครั้ง เป็นสุริยคราส 2 จันทรคราส 3 แต่ไม่มีสรรพคราสสักครั้ง ปีนั้นเกิดอะไร ? เป็นปีที่มีความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างมาก รัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรม ประชาชนรวมตัวกันต่อต้าน เกิดเป็นมวลมหาประชาชน รัฐบาลยุบสภา ประชาชนตื่นตัวและชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ที่ลืมไม่ได้คือ ไทยแพ้คดีเขาพระวิหาร (อีกครั้ง)


แล้วคราสในปี 2558 เป็นอย่างไร ? ปีนี้มีช่วงเวลาที่เกิดคราส (ฤดูคราส) 2 ช่วง คือ (1) มีนาคม - เมษายน (2) กันยายน รวมคราส 4 ครั้ง เป็นสุริยคราส 2 จันทรคราส 2 และเป็นสรรพคราสถึง 3 ครั้ง


ฤดูคราสเดือนมีนา - เมษา 58 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักโหราศาสตร์ระมัดระวังเป็นพิเศษ


ซึ่งประกอบไปด้วย (1) สุริยคราส (สรรพคราส) วันที่ 20 มีนาคม 2558 เวลา 16:37 น. ที่ 5 องศา 23 ลิปดาในราศีมีน และ (2) จันทรคราส (สรรพคราส) วันที่ 4 เมษายน 2558 เวลา 19:07 น. ที่ 20 องศา 20 ลิปดาในราศีกันย์


เหตุผลที่ทำให้นักโหราศาสตร์กังวลสนใจมากคือ


(1) เป็นสุริยคราส- สรรพคราส (Total Solar Eclipse)


โดยปกติ สุริยคราสจะร้ายแรง / ให้โทษมากกว่าจันทรคราส เพราะดับทั้งอาทิตย์และจันทร์พร้อมกัน เมื่อเป็นสุริยคราสเต็มดวง ยิ่งให้โทษมากขึ้นไปอีก


ตัวอย่างสุริยคราส (สรรพคราส) ที่ให้โทษหนัก คือ สุริยคราส (สรรพคราส) วันที่ 24 ตุลาคม 2538 เวลา 11:37 น. ที่ 6 องศา 30 ลิปดาในราศีตุลย์ ถือเป็นคราสที่นำไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตก


โลกไม่ได้เกิดสุริยคราส (สรรพคราส) ถึง 2 ปีกว่าแล้ว ครั้งสุดท้ายเกิดเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2555 เวลา 5:09 น. ที่ 27 องศา 54 ลิปดาในราศีตุลย์ เมื่อจะเกิดขึ้นอีกในเดือนมีนาคม 58 จึงเป็นเรื่องที่ควรกังวลสนใจ


(2) เกิดจันทรคราส - สรรพคราส (Total Lunar Eclipse) ตามมา


อีก 15 วันต่อมา เกิดคราสอีกครั้ง แต่สลับเป็นจันทรคราส อันนี้เรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ จันทรคราสก็เป็นสรรพคราสด้วย ภายใน 15 วัน เกิดสรรพคราส 2 ครั้ง สิ่งนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น


ตั้งแต่ปี 2544 - 2558 มีปรากฏการณ์สรรพคราสที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันใน 15 วันเพียงแค่ 3 ครั้ง คือ (1) มกราคม 2544 (2) พฤศจิกายน 2546 และ (3) มีนาคม- เมษายน 2558 ครั้งนี้


สิ่งที่เกิดยาก ถ้าเกิดแล้ว ย่อมมีโอกาสเป็นเรื่องใหญ่ นี่คือตรรกะของนักโหราศาสตร์


(3) สรรพคราสทั้ง 2 กระทบจุดสำคัญในดวงเมือง


โดยเฉพาะสุริยคราสที่ทำมุมเบียนจุดสำคัญหลายจุดในดวงเมือง ที่โดนเต็ม ๆ คือดาวศุกร์ อันหมายถึงเศรษฐกิจและการเงิน-การคลังของประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจอาจรุนแรงขึ้นไปอีก


ไม่เพียงเท่านี้ สุริยคราสยังทับอาทิตย์เดิมในดวงนายกฯสนิทพอดี นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก อาทิตย์คือเกียรติยศชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ สุขภาพ ฯลฯ สุริยคราสมีผล (อย่างน้อย) 1 ปี ท่านนายกฯจึงควรทำงานด้วยสติปัญญา ความรอบคอบ และความไม่ประมาทอย่างที่สุด
กลางมีนา - กลางเมษา 58 ต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิดครับ