"คนไร้บ้าน" กับความไม่เป็นธรรมทางสังคม

"คนไร้บ้าน" กับความไม่เป็นธรรมทางสังคม

“คนไร้บ้าน” (homeless) เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

ผู้คนในส่วนใหญ่ในสังคม เข้าใจว่าคนไร้บ้านมีลักษณะเช่นเดียวกับคนเร่ร่อนขอทาน หากแต่งานศึกษา “โลกของคนไร้บ้าน” ของบุญเลิศ วิเศษปรีชา ที่ให้ภาพเชิงลึกในชีวิตของคนไร้บ้าน ก็ทำให้เราเห็นว่า คนไร้บ้านแตกต่างจากคนเร่ร่อนขอทานเพราะพวกเขาส่วนใหญ่ต่างมีศักยภาพในการประกอบอาชีพ ทั้งการเก็บของเก่า การรับจ้าง และการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ

“คนไร้บ้าน” เป็นปรากฏการณ์สามารถพบได้ในเมืองใหญ่ต่างๆ พวกเขาเป็นคนที่จัดได้ว่าอยู่สุดขอบและมีความยากจนสุดของเมือง และแทบจะปราศจากหลักประกันความมั่นคงในชีวิต ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดกันว่า “คนไร้บ้าน” มาจากผู้ไร้ประสิทธิภาพในการทำงานจนทำให้ชีวิตต้องไร้บ้าน หากแต่ในความเป็นจริง “คนไร้บ้าน” มีที่มาหลากหลาย ส่วนหนึ่งพวกเขาเป็นผู้ที่ประสบกับปัญหาโครงสร้างทางครอบครัวและสังคมเศรษฐกิจจนต้องออกมาไร้บ้าน แม้จะมีศักยภาพในการทำงานอยู่ก็ตาม ส่วนหนึ่ง เป็นผู้ทีประสบปัญหาในชีวิตและไร้ทางออกให้กับตนเอง อีกส่วนหนึ่ง เป็นกลุ่มที่พบกับความแร้นแค้นของภูมิลำเนาจนต้องออกมาหาความหวังและความอยู่รอดในเมืองใหญ่ ทั้งถาวรและบางฤดูกาล

ในแง่นี้ “คนไร้บ้าน” จึงไม่แตกต่างจากคนปกติทั่วไป และทุกคนอาจสามารถมีโอกาสเป็น “คนไร้บ้าน” ได้เช่นเดียวกัน กระนั้นก็ดี จากความเป็นคนชายขอบที่ยากจนสุดของสังคม และไร้ทุนทางสังคมวัฒนธรรมในการช่วยเหลือเจือจุนการใช้ชีวิต ทำให้คนไร้บ้านต้องประสบปัญหาต่างๆ ที่มีความไม่เป็นธรรมทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากสังคมตัวอย่างเช่น

ปัญหาประการแรก ที่พบในกลุ่มคนไร้บ้านส่วนใหญ่ คือ ความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงบริการของรัฐ โดยเฉพาะบริการด้านสุขภาพที่เป็นความต้องการพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ ไม่เพียงคนไร้บ้านจะไม่สามารถเข้าถึงกลไกสนับสนุนด้านสุขภาพเฉกเช่นเดียวกับคนทำงานหรือมนุษย์ทั่วไปได้เท่านั้น หากแต่การเข้าถึงแม้เพียงบริการสุขภาพพื้นที่ก็ดูจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะคนไร้บ้านส่วนใหญ่ได้ประสบปัญหาการไม่มี “บัตรประชาชน” อันเป็นเครื่องมือในการรับรองสิทธิพื้นฐาน

การไม่มี “บัตรประชาชน” ของคนไร้บ้านนี้ มีสาเหตุมาทั้งจากการสูญหายเป็นเวลานานและการปราศจากบัตรตั้งแต่เด็กจนโต อุปสรรคในการรับรองและพิสูจน์ตัวตนที่ต้องใช้การรับรองหลายด้าน ได้ทำให้คนไร้บ้านส่วนใหญ่ล้มเลิกความหวังในการครอบครองบัตรประชาชน อันส่งผลให้พวกเขาประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของรัฐ และใช้ชีวิตโดยปราศจากการดูแลสนับสนุนด้านสาธารณสุข

ปัญหาประการที่สอง คือ การเข้าถึงแหล่งทุนในการตั้งต้นประกอบอาชีพ ที่แม้ปัจจุบันจะมีกองทุนและแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่สนับสนุนการประกอบอาชีพของทั้งรัฐและเอกชน และคนไร้บ้านจำนวนหนึ่งได้ยกระดับหรือมีศักยภาพในการเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก หากแต่การที่ปราศจาก “บ้าน” และ “บัตร” ได้ทำให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนของพวกเขาได้หมดไป อันส่งผลให้โอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตหดแคบลงไปด้วย ถึงแม้คนไร้บ้านจำนวนหนึ่งหันไปพึ่งพากับเงินกู้นอกระบบ หากแต่ด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูงจากระบบดังกล่าวก็ได้ทำให้พวกเขายากที่จะยกระดับทางเศรษฐกิจของตนเอง

นอกจากนี้ ในส่วนของการออมและการเก็บหอมรอมริบ ที่แม้คนไร้บ้านส่วนใหญ่มีความต้องการเก็บออมในชีวิตเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ด้วยสภาพการใช้ชีวิตที่ต้องหลับนอนในที่สาธารณะ ก็ได้ทำให้พวกเขาต้องประสบกับอันตรายและความกลัวในการเก็บเงินไว้จำนวนมากไว้กับตัว และ “คนไร้บ้าน” ส่วนใหญ่มักมีปัญหาในการเข้าถึงระบบการออมของสถาบันการเงิน

ปัญหาประการที่สาม อาจเป็นพื้นฐานของเกือบทุกปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น คือ ทัศนคติในทางลบต่อคนไร้บ้าน ของสังคมส่วนใหญ่และหน่วยงานภาครัฐจำนวนหนึ่ง อันส่งผลให้เกิดการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนไร้บ้าน การเลือกปฏิบัติ และการใช้หรือสนับสนุนการใช้นโยบายที่ไม่เป็นธรรมกับคนไร้บ้าน ตัวอย่างเช่น นโยบายการจัดระเบียบพื้นที่และความเรียบร้อยของเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากสังคมส่วนหนึ่ง ที่ในอีกมุมได้เบียดบังการใช้ชีวิตของคนไร้บ้านในที่สาธารณะ เป็นต้น

จากที่กล่าวมาคือปัญหาที่คนไร้บ้านต้องประสบ และแสดงให้เห็นถึงผลจากความไม่เป็นธรรมทางนโยบายและกฎหมายของรัฐ ที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติและไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มคนในสังคมไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนไร้บ้านที่ปราศจากต้นทุนทางสังคมในการต่อรองกับรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและการเข้าถึงบริการของรัฐ ในทางเดียวกัน มุมมองในทางลบต่อคนไร้บ้านก็ได้เป็นพื้นฐานต่อการเลือกปฏิบัติและความไม่เป็นธรรมต่อคนไร้บ้านในหลายกรณี

ในแง่นี้ การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านจึงไม่เพียงแต่การดำเนินด้วยการสงเคราะห์ความต้องการพื้นฐานในชีวิตเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงการเสริมพลังและสร้างกลไกสนับสนุนคนไร้บ้านให้สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐ ภายใต้การลักษณะการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนกฎหมายและนโยบายที่เอื้อต่อการเข้าถึงบริการของรัฐจากทุกกลุ่มคนด้วยความไม่ซับซ้อนของการได้มาซึ่งบริการ

ท้ายที่สุด ทัศนคติและความเข้าใจต่อคนไร้บ้านในฐานะผู้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโครงสร้างสังคมเศรษฐกิจอันไม่เป็นธรรม/เหลื่อมล้ำ และการปราศจากกลไกทางสวัสดิการในการรองรับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว ดูจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่ส่งต่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการให้คุณค่าและความคะนึงถึงต่อคนไร้บ้าน