บุกตลาดอย่างไร ได้ใจลูกค้า(Easy Marketing 3.0)

บุกตลาดอย่างไร ได้ใจลูกค้า(Easy Marketing 3.0)

บทความนี้ ท่านจะได้พบกับ หลักสูตรของพวกเราชาว ABC CLUB ที่ฝึกฝน จนกระทั่ง นำไปเผยแพร่ สอนให้องค์กรระดับประเทศ

หลากหลายองค์กรได้เรียนรู้และนำไปใช้กัน จนเห็นผลมากมาย และหลักสูตรหนึ่งที่พวกเราใช้กันมาตั้งแต่ก่อนก่อตั้งบริษัทเป็นเครื่องมือที่เราใช้วัดผลทางการตลาดของเรา ตั้งแต่เรียนปริญญาโท นั้นคือ การตลาดพันธุ์บวกยุค 3.0 แบบง่ายๆ



เริ่มต้นจาก การตลาดแบบง่ายๆ

สืบเนื่องมาจากหลายคนถามถึงชื่อของบริษัทของเราเสมอว่า บริษัท ABC CLUB จำกัด มันมีที่มาจากอะไร ฟังดูแล้วมันดู ง่ายๆ จำง่าย อ่านง่าย มากๆ

ผมก็ตอบไปด้วยความภูมิใจในชื่อและที่มาของมันว่า ABC CLUB กำเนิดขึ้นมาจากชมรมเล็กๆ ตอนพวกเราเรียนปริญญาโท MBA ที่ ม.ขอนแก่น มันจึงสมควรมีคำว่า CLUB จากชื่อชมรมตอนนั้น

ส่วน ABC มีที่มาจากคำย่อ ที่ว่า Appreciative Business Consultant

Appreciativeมาจาก AI ที่เราสนใจศึกษาอย่างลึกซึ้ง จาก อ.ภิญโญ รัตนาพันธ์ นั่นเอง

Businessก็ตรงตัว คำว่า ธุรกิจ ที่เราเรียนโท MBA ก็เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจทั้งนั้น

Consultantที่ปรึกษา จากคำเชิญชวนของอาจารย์ที่ปรึกษาของเรา ให้เปิดบริษัทดู

รวมกันจึงหมายถึง บริษัท (ชมรม) ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาธุรกิจด้วยแนวคิด AI แต่เมื่อเรียกสั้นๆ ว่า ABC CLUB มันทำให้จำง่าย ใครๆ ก็สามารถทำงานร่วมกับเราได้ง่ายๆ นั่นเป็น What Work ตัวหนึ่งที่เราใช้ แม้กระทั่งชื่อบริษัทก็ทำด้วยแนวคิดของ“ความง่าย”

จากความง่ายของชื่อบริษัท ทำให้เราค้นพบ“วิถีของความง่าย”เราค้นพบว่า เมื่อใดก็ตามที่อยากให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า พนักงาน พนักงานของลูกค้า ผู้เข้าร่วมสัมมนา ไม่ว่าจะจบปริญญาโท หรือ ตรี แม้กระทั่งคนจบ ป. 4 ชาวพม่าก็ตามให้เข้าใจสิ่งที่เราสอนได้นั้น ต้องอาศัยความง่ายที่สุด ที่จะสามารถถ่ายทอดให้เขาเข้าใจได้ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้าใจ นั่นคือ พวกเขาก็สามารถลงมือทำงานตามขั้นตอนได้ง่ายๆ

และเมื่อใดก็ตามที่มีการลงมือทำงานโดยง่าย งานเราก็สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง การตลาดก็เช่นเดียวกัน

เราค้นพบ“พีระมิดแห่งความภักดี”ที่เราใช้วางกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งของบริษัทเราและบริษัทลูกค้า ดังรูปประกอบ(พีระมิด)

กลยุทธ์การตลาดแบบง่ายๆ ใช้ได้จริง เห็นผลจริง

จาก“พีระมิดแห่งความภักดี”อธิบายได้ว่า ลูกค้า คือ บุคคลที่อยู่ในพีระมิดแห่งความภักดีนี้ เริ่มต้นจาก

1.รู้จักจากคนที่ไม่รู้จัก มารู้จัก สินค้าหรือบริการของคุณ

2.ทดลองใช้จากคนที่รู้จัก มาทดลองใช้ สินค้าหรือบริการของคุณ

3.ซื้อใช้จากคนที่ทดลองใช้ มาซื้อใช้ สินค้าหรือบริการของคุณ

4.ใช้ซื้อจากคนที่ซื้อใช้ ใช้ซ้ำ สินค้าหรือบริการของคุณ

5.บอกต่อจากคนที่ใช้ซ้ำ นำไปบอกต่อ สินค้าหรือบริการของคุณ

นั่นคือลูกค้า เริ่มต้นจากคนที่เพียงแค่รู้จักสินค้าของคุณก็ถือว่าเป็นลูกค้าแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการ, พนักงานของบริษัท, พนักงานบริษัทอื่น ที่เป็น Supplier ให้บริษัท ครอบครัวของพนักงาน นั่นคือ รวมทุกคนที่“รู้จัก”สินค้าหรือบริการนั่นเอง

หลังจากเราได้ค้นพบ “พีระมิดแห่งความภักดี” แล้วเราได้นำมาประยุกต์ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้กับลูกค้าด้วยการใช้ AI ค้นหา What Work วิธีการเพิ่มจำนวนลูกค้าในแต่ละขั้นของพีระมิดนี้ โดยการตั้งคำถามเชิงบวกถึงวิธีการที่เคยทำมาแล้วสามารถทำให้เกิดลูกค้าขึ้น ในแต่ละขั้นของพีระมิดแห่งความภักดี วัดจำนวนลูกค้า เอาไว้วัดผลในรอบถัดไป

เราสามารถตั้งคำถามเชิงบวกได้ ดังนี้

1. ครั้งไหนที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักมารู้จักสินค้าของคุณ ได้มากที่สุด

2. ครั้งไหนที่ทำให้คนที่รู้จักแล้วมาทดลองใช้สินค้าของคุณ ได้มากที่สุด

3. ครั้งไหนที่ทำให้คนที่ทดลองใช้แล้วมาซื้อใช้สินค้าของคุณ ได้มากที่สุด

4. ครั้งไหนที่ทำให้คนที่ซื้อใช้มาใช้ซ้ำสินค้าของคุณ ได้มากที่สุด

5. ครั้งไหนที่ทำให้คนที่ใช้แล้ว นำเรื่องราว สินค้าของคุณไปบอกต่อได้มากที่สุด

เรานำคำตอบของคำถามดังกล่าวมาสร้างเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันที

ในแต่ละขั้นของพีระมิด เราอาจจะค้นพบวิธีการเพิ่มจำนวนลูกค้ามากกว่า 1 วิธี นั่นคือ ในแต่ละรอบของการทำตามกลยุทธ์นั้น เราก็สามารถมี 2 กลยุทธ์ได้ แต่เมื่อครบรอบแล้ว เราควรจะต้องวัดผลของงานด้วยจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ในแต่ละขั้นของพีระมิดแห่งความภักดีนี้ เพื่อจะได้รู้ว่า กลยุทธ์ใด ให้ผลงานที่ดีกว่ากัน นั่นคือ วงจรของ AI หมุนกลับมา Discovery ซ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้ว เราสามารถค้นหาวิธีการเพิ่มจำนวนลูกค้าในแต่ละขั้นของพีระมิดได้ ไม่เพียงแค่การค้นพบจากสิ่งที่เราเคยทำเท่านั้น แต่เราสามารถค้นหาวิธีการจากสิ่งที่เรารู้อีกด้วย ดั่งคำถาม เหล่านี้

1. นอกเหนือจากที่เราเคยทำ มีเหตุการณ์ใด จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้คนที่ไม่รู้จักมารู้จักสินค้าต่างๆ ได้มากและเหมาะสมที่สุด

2. นอกเหนือจากที่เราเคยทำ มีเหตุการณ์ใด จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้คนที่รู้จักแล้วมาทดลองใช้สินค้าของคุณ ได้มากและเหมาะสมที่สุด

3. นอกเหนือจากที่เราเคยทำ มีเหตุการณ์ใด จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้คนที่ทดลองใช้แล้วมาซื้อใช้สินค้าของคุณ ได้มากและเหมาะสมที่สุด

4. นอกเหนือจากที่เราเคยทำ มีเหตุการณ์ใด จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้คนที่ซื้อใช้มาใช้ซ้ำสินค้าของคุณ ได้มากและเหมาะสมที่สุด

5. นอกเหนือจากที่เราเคยทำ มีเหตุการณ์ใด จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำให้คนที่ใช้แล้ว นำเรื่องราว สินค้าของคุณไปบอกต่อได้มากและเหมาะสมที่สุด

นั่นคือเราสามารถค้นหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น บริษัทข้างเคียง ตามสื่อ หนังสือ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต(นั่นคือการจัดการความรู้ นั่นเอง)