กำหนดอายุผู้พิพากษา

กำหนดอายุผู้พิพากษา

"คณะอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะที่ 7 เรื่องศาลและกระบวนการยุติธรรม กำหนดให้ผู้มาทำหน้าที่

เป็นผู้พิพากษามีอายุ 35 ปีขึ้นไป จากเดิมที่กำหนดอายุไว้ 25 ปี เพราะเห็นว่าถ้าผู้พิพากษามีอายุเพียง 25 ปี วัยวุฒิจะไม่สมบูรณ์" เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 3 .. 2557

ผู้พิพากษาท่านหนึ่งคุยกับผมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ต่อความเห็นของอนุกกรรมาธิการคณะที่ 7 ว่า ผู้เสนอเรื่องแก้ไขอายุผู้พิพากษา จากเดิม 25 เป็น 35 ปีนั้น ขาดความเข้าใจหรือไม่รู้ระบบการสอบเข้ามาเป็นผู้พิพากษา น่าจะเป็นพวกนักวิชาการที่ "มโน" ไปเองว่าคนอายุ 35 ปีจะมีวุฒิภาวะมากกว่าคนอายุ 25 ทั้งที่ข้อเท็จจริง คนอายุ 49 ปี อย่าง "จ่าประสิทธิ์" ...ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีต ส..สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขนาดอายุ 49 ปี แล้วเป็นถึงส..แต่ไม่มีวุฒิภาวะ ต้องตกเป็นจำเลย ติดคุกคดีหมิ่นเบื้องสูง เรื่องอายุจึงไม่เกี่ยวกับวุฒิภาวะ

คราวนี้มาดูข้อเท็จจริงว่า ศาลมีวิธีการสอบคัดเลือกบุคคลทั่วไปเข้ามาเป็นผู้พิพากษาอย่างไร การสอบมี 3 สนาม คือ "สนามใหญ่" รับผู้ที่มีอายุขั้นต่ำ 25 ปี จบปริญญาตรีทางกฎหมายและเนติบัณฑิตไทย "สนามเล็ก" รับผู้ที่มีอายุขั้นต่ำ 25 ปี จบปริญญาโททางกฎหมายในประเทศ และเนติบัณฑิตไทย "สนามจิ๋ว" รับผู้ที่มีอายุขั้นต่ำ 25 ปี จบปริญญาตรีทางกฎหมายจากต่างประเทศ และเนติบัณฑิตไทย

ความเป็นจริงคือ ผู้ที่มีอายุ 25 ปี ในวันสมัครสอบ เมื่อเริ่มกระบวนการสอบใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะทราบผล

การสอบผู้พิพากษาใช้เวลา 1 เดือน จากนั้นกรรมการจะตรวจข้อสอบ 3 เดือน กว่าจะประกาศผลสอบ จากอายุ 25 วันสมัครก็อายุย่างเข้า 26 ปี เมื่อสอบได้เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา ไม่ได้หมายความว่าออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีได้ ผู้ช่วยฯ ต้องผ่านการอบรม เพื่อให้มีความรู้เบื้องต้นเรื่องการตรวจสำนวนคดี การเรียงคำพิพากษา การบันทึกคำพยาน โดยใช้เวลาอบรมตามที่ประธานศาลฎีกาเสนอ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ(..) แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ปี นั่นก็แสดงว่า กว่าจะไปนั่งเป็นผู้พิพากษาประจำศาล ก็มีอายุอย่างน้อย 27 หรือ 28 ปี

ประการต่อมา การจะให้ผู้มีสิทธิสอบผู้พิพากษาอายุ 35 ปี หมายความว่าคนที่เรียนจบสายกฎหมาย ก็จะไปเป็นตำรวจหรือทนายความ หรืออัยการ เมื่ออายุ 35 ถ้าเป็นตำรวจก็จะติดยศ พ... คนที่ทำงานมาถึงตอนนี้จะเข้าระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นระบบราชการปกติที่ไม่มีในวงการตุลาการ

การได้ตุลาการ ที่มาจากระบบอุปถัมภ์ จะเกิดคดีประเภท "คุณขอมา" ซึ่งจะทำลายกระบวนการความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม

เหตุผลประการต่อมา การให้คนอายุ 35 มีสิทธิ์สอบผู้พิพากษา กว่าจะผ่านกระบวนการสอบ การฝึกอบรม อย่างน้อย 2 ปี เท่ากับผู้พิพากษาประจำศาลจะเริ่มทำงานเมื่อตอนอายุ 37 ปี

มีคำสุภาษิต "ไม้แก่ดัดยาก" กว่าจะให้คนเหล่านี้ทำงานได้จริงก็อายุ 40 ปีแล้ว ซึ่งมีกรณีศึกษาศาลบางศาลที่สอบเอาคนนอกเป็นผู้พิพากษา ปัญหาที่พบคือเขียนคำพิพากษาไม่เป็น ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นไม่มีความรู้ แต่การเขียนคำพิพากษาเพื่อให้คนที่ถูกตัดสินยอมรับนั้นไม่ง่าย

ฟังเหตุผลของผู้พิพากษาท่านนั้นแล้ว ก็ถ่ายทอดออกมาได้ด้วยประการเช่นนี้ และขณะที่คนยกร่างรัฐธรรมนูญ จะแก้ไขอายุผู้พิพากษานั้น ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่มี คณิศร ขุริรัง เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ แถลงว่า ได้ข้อยุติในที่ประชุมว่า อายุเริ่มต้นของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม 25 ปี เป็นผู้บริหารได้ถึงอายุ 65 ปี เป็นผู้พิพากษาอาวุโสได้ ถึง 70 ปี ซึ่งจะนำเสนอในที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อส่งต่อให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไปครับ

ท่านสภาปฏิรูป ท่านกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญถกเถียงให้ตกผลึก แต่อย่าทึกทัก "มโน" เอาเอง