มรดก "คอมมิวนิสต์"

มรดก "คอมมิวนิสต์"

วันที่ 2 ธันวาคม 2557 อดีตนักรบดาวแดง สังกัดกองทัพประชาชนมลายา ใต้ร่มธงพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.)

ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 9-12 .เบตง อ.ธารโต อ.ยะหา จ.ยะลา และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส) ได้ร่วมกันจัดงาน "รำลึกวันสันติภาพหาดใหญ่" พร้อมกับการเปิดตัว "ชมรมสันติภาพประเทศไทย"

"วันสันติภาพหาดใหญ่" คือการลงนามความตกลงยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มลายา(พคม.) กับรัฐบาลมาเลเซีย ที่ห้องสันติภาพ โรงแรมลีการ์เดนส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2532

นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของไทยและมาเลย์ เนื่องจากการต่อสู้ด้วยอาวุธที่ยืดเยื้อมากว่า 30 ปีได้ยุติลง

สำหรับโครงการของชมรมสันติภาพประเทศไทย จะดำเนินการ 2 เรื่องสำคัญคือ 1.โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ "สันติภาพหาดใหญ่" 2.โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ให้แก่อดีตสมาชิกกองทัพประชาชนมลายา และครอบครัว

พรรคคอมมิวนิสต์มลายา โดยการนำของเลขาธิการใหญ่ "จีนเป็ง" (เสียชีวิตแล้ว) ถูกรัฐบาลมาเลย์ เปิดยุทธการทางทหารกดดันอย่างหนัก จึงร่นถอยเข้ามาอยู่ในเขตไทยเมื่อปี 2503

กองทัพประชาชนมลายาที่ยึดกุมยุทธศาสตร์ "ชนบทล้อมเมือง" ได้ตั้ง "ฐานที่มั่น" อยู่ในป่าเขาตามรอยตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย

จากการต่อสู้ยืดเยื้อยาว กองทัพแดงมลายา จากเดิมที่เคยมี 12 กรม ก็ยุบเหลือเพียง 3 กรม

กรมที่ 8 ปฏิบัติการในพื้นที่ อ.สะเดา อ.นาทวี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

กรมที่ 10 ปฏิบัติการในพื้นที่ อ.แว้ง อ.สุคีริน อ.รือเสาะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส อ.บันนังสตา จ.ยะลา

กรมที่ 12 ปฏิบัติการในพื้นที่ อ.เบตง อ.ยะหา จ.ยะลา

ปี 2528 พล..กิตติ รัตนฉายา ในฐานะผู้บัญชาการกองพลที่ 5 ได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "นโยบาย 66/2523" เปิดแผนเจรจาภายใต้สัญญาสุภาพบุรุษ กับพรรคคอมมิวนิสต์มลายา และรัฐบาลมาเลเซีย

ในที่สุด "วันสันติภาพหาดใหญ่" ก็เกิดขึ้น อดีตนักรบส่วนหนึ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ในประเทศไทย ก็กลายเป็น "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย"

พรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) ยอมเป็นตำนาน แต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันคือยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ ยังไม่ยอมขึ้นหิ้ง

แม้สมาชิกกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย (ทปท.) จะกลายเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีการรวมตัวเป็น "ชมรม" เหมือนอดีตนักรบมลายา

ตรงกันข้ามกลับรวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือจากกองทัพและรัฐบาล ภายใต้โครงการช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของ ผรท. ที่ได้เงินไปแล้วคนละแสนสองแสน จากรัฐบาลสุรยุทธ์, รัฐบาลอภิสิทธิ์ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ทุกวันนี้ "ผรท.เงินแสน" ยังเดินแผนตามล่าหาสมาชิก เพื่อนำรายชื่อไปขอเงินจากรัฐบาล คสช.
ในวาระครบรอบ 72 ปี แห่งการก่อตั้ง พคท. เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่เพิ่งผ่านไป เลขาธิการพรรคชื่อ "วิชัย ชูธรรม" ยังขับเคลื่อนขบวนการปฏิวัติไทยไปข้างหน้าแบบเงียบๆ

สมาชิก พคท.ที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่มาก ตั้งวงวิเคราะห์สังคมไทย และสรุปได้ว่า ลักษณะสังคมไทย เป็นสังคมทุนนิยมผูกขาดล้าหลัง ที่เป็นบริวารของทุนนิยมครอบโลก ซึ่งยังมีอิทธิพลแบบศักดินาดำรงอยู่

ขณะที่อดีตสมาชิก พคท.อีกปีกหนึ่ง ได้แยกตัวออกไปตั้งองค์กรใหม่ ก็ยังอยู่ในสภาวะ "ตั้งไข่ล้มต้มไข่ลุก" เพราะเพิ่งก่อตั้งได้ปีเศษเท่านั้น

เมื่อกองทัพก่อรัฐประหาร บรรดาสมาชิกองค์กรปฏิวัติใหม่ ต้องเผ่นหนีกันวุ่นวาย ส่วนหนึ่งไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ส่วนใหญ่ยังฝังตัว "กบดาน" อยู่ในประเทศ

นี่คือภาพรวมขององค์กรปฏิวัติ ที่อยู่ในลักษณะเป็นตำนาน แม้จะมีบางคนใฝ่ฝันถึงวันฟ้าสีทอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนการเปล่งคำขวัญปลุกเร้ากันลั่นป่าในอดีต