'ระบบอุปถัมภ์' แก้ไม่ได้ด้วยกฎหมาย

'ระบบอุปถัมภ์' แก้ไม่ได้ด้วยกฎหมาย

ได้ยินคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพูดวันก่อนว่า การปฏิรูปประเทศชาตินั้น

สิ่งที่แก้ไม่ได้ด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด ๆ คือ “ระบบอุปถัมภ์” ซึ่งเป็นปัญหาของบ้านเมืองมายาวนาน

ดูเหมือนท่านจะบอกว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนอย่างไร จะมีคณะกรรมการเลือกตั้งกี่ชุด หรือจะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามความประพฤติทุจริตเข้มแข็งเพียงใด ก็ไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้

เพราะระบบอุปถัมภ์นั้นเป็นเรื่องของค่านิยมสังคม เป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจจะแก้ได้ด้วยกฎหมาย หรือด้วยการตั้งคณะกรรมการมาร่างกฎหมาย

แปลจากถ้อยประโยคนี้ก็อาจจะสรุปได้ว่า แม้จะปฏิวัติหรือปฏิรูปกี่ครั้ง ก็คงจะแก้เรื่อง “ระบบอุปถัมภ์” ในสังคมไทยไม่ได้

ต้องแก้กันที่สังคมไทยกันเองนี่แหละ

ถามว่า “ระบบอุปถัมภ์” เป็นปัญหาสำหรับประเทศอย่างไร? ก็คงตอบได้ว่าหากมองในแง่ลบ ระบบนี้ทำให้เกิดคอร์รัปชัน และผลประโยชน์ทับซ้อนที่ทำให้บ้านเมืองจมปลักอยู่กับความล้าหลัง ทำให้คนดีคนเก่งไม่อาจจะเกิดได้

ฝรั่งเรียกระบบนี้ว่า patronage ซึ่งหมายถึงการช่วยเหลือเกื้อกูลของคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า หรือมีบารมีมากกว่าช่วยเหลือเกื้อกูลอีกคนหนึ่ง หรือหลายคนที่มีอะไรน้อยกว่า หรือต่ำต้อยกว่าจนกลายเป็นความผูกพันส่วนตัวที่อยู่นอกเหนือการทำหน้าที่ของแต่ละคน

คนได้รับการอุปถัมภ์จะมีความสำนึกในการต้องตอบแทนบุญคุณคน ที่ให้การอุปถัมภ์เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งบางครั้งไม่เกี่ยวกับความถูกต้องชอบธรรมและอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรมกับคนอื่นที่ไม่อยู่ในเครือข่ายของการอุปถัมภ์นั้น ๆ

เมื่อเกิดระบบอุปถัมภ์ก็จะเกิดการตอบแทนและความผูกพันส่วนตัว หากเป็นเรื่องในครอบครัวและคนใกล้ชิดก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ตรงกันข้ามอาจจะเป็นการอุ้มชูช่วยเหลือผู้ที่ควรได้รับความช่วยเหลือให้สามารถดำรงชีวิตและทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง

แต่หากระบบอุปถัมภ์ข้ามมาอยู่ในเรื่องของการทำงาน หรือระบบราชการและการเมือง โอกาสที่จะทำให้เกิดความไม่ชอบมาพากลในระบบย่อมเกิดขึ้น และอาจนำไปสู่การทุจริตประพฤติมิชอบระดับชาติได้

เพราะจะเกิดการ “ฝาก” และการ “เอื้อประโยชน์” ระหว่างกันจนคนอื่นที่ไม่อยู่ในเครือข่ายนั้นจะเสียโอกาสและอาจถูกกีดกันอย่างไม่เป็นธรรม

กฎหมายเขียนไม่ให้ “อุปถัมภ์” ค้ำจุนระหว่างคนไม่ได้ แต่หากระบบนี้ไม่ลดน้อยถอยลง โดยให้ระบบ “ความถูกต้องชอบธรรม” เข้ามาแทนที่ ปัญหาพื้นฐานของสังคมไทยก็จะไม่หายไปไหน

นั่นแปลว่าเราจะปฏิรูปไม่สำเร็จ

ระบบ patronage ต้องถูกทดแทนโดยระบบ merit ซึ่งหมายถึงผลงาน, ความดี, ความถูกต้อง

ซึ่งหมายความว่าสังคมไทยต้องวัดด้วยความรู้ความสามารถของคนแทนที่จะเป็นเรื่องของการเอื้อประโยชน์กัน

ต้องให้ Know How สำคัญกว่า Know Who

และการจะให้ “ความสามารถ” มาก่อน “ความมักคุ้น” นั้นเป็นเรื่องต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมกันอย่างยิ่ง กระบวนการปฏิรูปที่เห็นอยู่นี้ไม่อาจทำให้เกิดขึ้น ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีการยกเครื่องระบบการศึกษา การฝึกอบรม การบ่มเพาะนิสัย และวิธีคิดวิเคราะห์ความเป็นไปของสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

ผมเห็นด้วยครับว่าระบบอุปถัมภ์ ระบบ “รุ่น” และสังคมพวกพ้องแบบไทย ๆ หากใช้ไปในทางที่ผิดเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับการปฏิรูปประเทศ

หากจะแก้ต้องตั้งเป้าหมายสังคมร่วมกัน เริ่มต้นง่าย ๆ คือเลิกถามว่า “คุณเป็นคนของใคร” ให้ถามว่า “คุณจะทำอะไร”