นักปฏิบัติ ผู้บริหาร ผู้นำ

นักปฏิบัติ ผู้บริหาร ผู้นำ

หลายครั้งที่เรามักจะมีความสับสนว่าผู้ที่ทำงาน หรือ ปฏิบัติงานที่ดีจะเป็นผู้นำที่ดีเสมอไป

พนักงานที่มียอดขายสูงสุดไม่จำเป็นต้องผู้จัดการฝ่ายขายที่ดี นักกีฬาที่เก่งสุดไม่จำเป็นต้องเป็นโค้ชที่ดี นักวิชาการชั้นเทพไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่ดี ตำรวจที่เป็นสุดยอดของมือสืบสวนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บัญชาการที่ดี ฯลฯ ซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างของผู้ที่เป็นนักปฏิบัติที่เก่ง ที่ดี แต่เมื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำแล้ว เรากลับรู้สึกเสียดายความสามารถที่พวกเขามีอยู่และเกิดข้อสงสัยว่าทำไมเขาเหล่านั้น ทั้งๆ ที่เก่ง มีความรู้ ความสามารถในวิชาชีพของตนอย่างสุดยอดแล้ว แต่กลับไม่สามารถก้าวขึ้นไปและประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำได้?

จริงๆ แล้วเราจะพบว่าไม่แปลกหรอกครับที่ผู้ที่เก่งและประสบความสำเร็จในการทำงาน ไม่จำเป็นที่จะต้องประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำเสมอไป เราประสบความสำเร็จในการทำงานได้นั้น ส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นจากทักษะ ความรู้ ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นการทำงานอย่างมีคุณภาพ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การทุ่มเทเวลาให้กับการทำงาน ซึ่งในฐานะของผู้ปฏิบัติงานเราเป็น “ผู้ปฏิบัติ” แต่เมื่อเราก้าวขึ้นเป็นผู้นำแล้ว ทักษะที่จะใช้สำหรับการประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำนั้น ย่อมแตกต่างจากทักษะของผู้ปฏิบัติ

ผู้ปฏิบัตินั้นจะทำงานที่รับผิดชอบหรือได้รับมอบหมายด้วยคุณภาพที่ดี อย่างมีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล แต่เมื่อเราก้าวขึ้นเป็นผู้นำแล้ว ผู้นำจะต้องเป็นทั้งผู้ที่เผชิญและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร

นักปฏิบัติบางคนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นจากนักปฏิบัติ หรือ Doers ขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ก็อาจจะประสบความสำเร็จกับการก้าวขึ้นเป็นผู้บริหาร หรือ Managers ซึ่ง John Kotter อดีตอาจารย์ของ Harvard ได้เคยเขียนบทความดีๆ ไว้เมื่อหลายปีก่อน เรื่อง What Leaders Really Do ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาท หน้าที่ที่แตกต่างกันระหว่างผู้นำ (Leaders) กับผู้บริหาร (Managers) โดยทั้งผู้นำ และ ผู้บริหารต่างมีบทบาทที่สำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร เพียงแต่ผู้นำจะเกี่ยวข้องกับทั้งการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนผู้บริหารจะมีส่วนช่วยทำให้องค์กรมีการจัดระเบียบในการทำงานตามกระบวนการบริหารจัดการที่ดีและควรจะเป็น

ทีนี้ความน่าสนใจก็คือ นักปฏิบัติ หรือ Doers นั้นจะก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารที่ดีได้ไม่ยาก เนื่องจากมีความรู้ ความชำนาญ ในงานที่ทำอยู่แล้ว เพียงพัฒนาทักษะและความรู้ทางด้านบริหารอื่นๆ ให้มากขึ้น และปรับวิธีคิด วิธีการทำงานให้นึกถึงความเชื่อมโยงและภาพรวมของงานมากขึ้น แต่ทำไมนักปฏิบัติจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้นั้น โอกาสในการประสบความสำเร็จถึงน้อยกว่า?

สาเหตุหลักประการหนึ่งก็คือนักปฏิบัติเมื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำนั้น ก็มักจะไม่สามารถลืมเลือนในสิ่งที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญและชำนาญได้ ดังนั้น ผู้นำที่ก้าวขึ้นมาจากนักปฏิบัติที่เก่งกาจทั้งหลายจึงมักจะอดไม่ได้ที่จะลงมือทำงานด้วยตนเอง เราจะพบผู้นำจำนวนมากที่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งแล้วจะอดไม่ได้ที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งจริงๆ แล้วบทบาทของคนที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้น จะต้องทำให้น้อยลง แต่นำให้มากขึ้น (Doing less, leading more)

คำถามต่อมาก็คือแล้ว ผู้นำจะต้องทำอะไรบ้าง? อะไรคือการนำให้มากขึ้น? ในบทความของ Kotter นั้นแยกหน้าที่ของผู้นำไว้อย่างชัดเจนครับ แล้วก็เป็นหน้าที่ที่มีความแตกต่างจากคนที่เป็นผู้บริหารด้วยครับ ลองมาดูกันนะครับ

ผู้นำนั้นจะต้องเป็นคนกำหนดทิศทางขององค์กรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางในอนาคตที่องค์กรจะมุ่งไปสู่ และต่อไปถึงกลยุทธ์หรือแนวทางหลักๆ ที่องค์กรจะมุ่งเน้นเพื่อให้ไปถึงทิศทางดังกล่าว นอกจากนี้ผู้นำจะทำต้องให้การดำเนินงานของคนทั้งองค์กรสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันหรือที่เรียกว่า (Alignment) เป็นเสมือนการสื่อสาร ทิศทางขององค์กรที่จะไปในอนาคต และสื่อสาร กระตุ้น จูงใจ ให้การทำงานของคนทั้งองค์กรไปในทิศทางดังกล่าวสุดท้ายผู้นำจะต้องสามารถกระตุ้น จูงใจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในองค์กร เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานของทั้งองค์กรไปในทิศทางที่จะต้องไป

จริงๆ แล้วถ้าดูจากบทบาทและหน้าที่ของผู้นำ พวกเราก็จะเห็นได้นะครับว่าผู้นำจะต้องเกี่ยวเนื่องและขับเคลื่อนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเป็นหลักเลย

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าทุกคนจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำนะครับ องค์กรองค์กรหนึ่งต้องการทั้งผู้ที่เป็นนักปฏิบัติที่ดี เป็นผู้บริหารที่ดี และเป็นผู้นำที่ดี รวมทั้งควรจะมีส่วนผสมของคนทั้งสามกลุ่มในอัตราส่วนที่เหมาะสมด้วยครับ