การถอดถอน นักการเมืองที่พ้นตำแหน่งแล้ว

การถอดถอน หรือ Impeachment เป็นกระบวนการของสภา ในการกล่าวหา ไต่สวนและถอดถอน ผู้ดำรงตำแหน่งของรัฐ
เช่นรัฐมนตรี หรือผู้ดำรงตำแหน่งหน้าที่อื่นๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
ซึ่งมีการดำเนินการในประเทศอังกฤษมานานหลายร้อยปี และพัฒนามาเป็นเครื่องมืออันสำคัญของสภาอังกฤษในการทำให้รัฐบาลต้องสนองตอบต่อสภา และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ เพราะมิฉะนั้นจะต้องประสบกับกระบวนการไต่สวนและถอดถอนต่อไป ในระยะแรกๆ การปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นการไม่ชอบที่จะถูกไต่สวนและถอดถอน คือข้อกล่าวหาก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และต่อมาสภาอังกฤษขยายความผิดที่จะถูกไต่สวนถอดถอนกว้างขึ้น คือ กระทำการเป็นกบฏ กระทำผิดทางอาญาที่เป็นความผิดที่ร้ายแรงและที่เป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และต่อมาขยายไปถึงการกระทำโดยประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหาย และประพฤติตนไม่เหมาะสมด้วย
การถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐในประวัติศาสตร์อังกฤษที่โด่งดังมีมากมายหลายคดี เช่น การพิจารณาถอดถอนนาย Warren Hasting ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้ปกครองประเทศอินเดีย ในระหว่างปี ค.ศ. 1773-1785 ด้วยข้อหากระทำผิดอาญาทั้งร้ายแรง และเล็กน้อย ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ คอร์รัปชัน และกระทำการทารุณโหดร้ายต่อชาวอินเดีย กระบวนการพิจารณาไต่สวนเริ่มต้นในปี ค.ศ.1786 เสร็จการพิจารณาไต่สวน ในปี ค.ศ. 1795 ผลการไต่สวนปรากฏว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าว มีข้อสังเกตคือ แม้ นาย Warren Hasting พ้นจากหน้าที่เป็นผู้ปกครองอินเดียไปแล้วในปี ค.ศ. 1785 แต่ก็ยังถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนแม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว
สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้กำหนดเป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ให้มีกระบวนการถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นสมาชิกรัฐสภา รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหารเข่นรัฐมนตรี รวมทั้งประธานาธิบดีด้วย โดยนำต้นแบบมาจากประเทศอังกฤษ
การกระทำที่ไม่ชอบ ที่เป็นมูลให้ถูกถอดถอนตามที่ได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญอเมริกา ได้แก่ การกบฏ ทุจริตรับสินบน หรือกระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงหรือความผิดเล็กๆ น้อยๆ
ที่ผ่านมามีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนสองคน คือประธานาธิบดี Andrew Johnson ถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนในปี ค.ศ. 1868 ด้วยข้อละเมิดกฎหมายวาระการดำรงตำแหน่ง แต่ก็รอดจากการถูกถอดถอนด้วยคะแนนเสียงที่ชนะเพียงเล็กน้อย ประธานาธิบดีคนต่อมาที่ถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนคือ ประธานาธิบดี Richard Nixon เมื่อปี ค.ศ. 1974 ใน คดี Watergate แต่ได้ชิงลาออกก่อนที่จะมีการเปิดเทปอัดเสียงที่เป็นพยานสำคัญที่มัดการกระทำความผิด หลังจากลาออกแล้วกระบวนการพิจารณาถอดถอนก็ได้ยุติลง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุที่ได้ลาออกพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ยุติลงเนื่องจากสมาชิกรัฐสภาบางส่วนเห็นใจว่า ประธานาธิบดี Richard Nixon ได้รับความบอบช้ำสาสมกับความผิดแล้ว ประธานาธิบดีที่ถูกพิจารณาถอดถอนต่อมาคือ ประธานาธิบดี Bill Clinton ใน ค.ศ. 1998 ด้วยสองข้อหาคือ ให้การเป็นพยานเท็จ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ชนะโหวตโดยวุฒิสภาลงมติว่าไม่ได้กระทำความผิด
กระบวนการถอดถอนต่างจากการดำเนินคดีอาญา เนื่องจากการกระทำที่เป็นมูลให้ถูกดำเนินการถอดถอน บางกรณีเป็นการกระทำความผิดทางอาญา จึงเป็นเหตุให้มีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะพิจารณาถอดถอนผู้ใด ต้องมีการกระทำที่เป็นความผิดทางอาญา และนำวิธีการดำเนินคดีทางอาญามาใช้กับกระบวนการพิจารณาถอดถอน ซึ่งมีนักวิชาการทางนิติศาสตร์ในต่างประเทศให้ความเห็นไว้ว่า กระบวนการพิจารณาถอดถอนเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินคดีอาญา จะนำขั้นตอนการดำเนินคดีอาญามาพิจารณาในกระบวนการถอดถอนไม่ได้ การพิจารณาถอดถอนไม่ใช่การดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา แต่เป็นเรื่องที่ผูกถูกกล่าวหาต้องรับผิดทางการเมือง รับผิดต่อหน้าที่และสังคม
จะพิจารณาถอดถอนผู้ที่พ้นหน้าที่พ้นตำแหน่งไปแล้วได้หรือไม่ ต่อข้อถามนี้นักวิชาการท่านหนึ่งได้ยกแนวคิดเหตุผลจุดประสงค์ของการถอดถอนให้พิจารณา คือการถอดถอนก็เพื่อให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกไม่ชอบหลุดพ้นจากตำแหน่ง การให้หลุดพ้นจากตำแหน่งมิได้หมายความว่าให้หลุดพ้นจากตำแหน่งในปัจจุบันเท่านั้น แต่หมายรวมถึงไม่ประสงค์ให้ดำรงตำแหน่งในอนาคตด้วย ดังนั้น แม้ผู้นั้นจะพ้นจากหน้าที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว กระบวนการพิจารณาถอดถอนก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในประวัติที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่รัฐของอังกฤษหลายคนถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนหลังจากพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เช่น กรณี นาย Warren Hasting ที่พ้นจากตำแหน่งผู้ปกครองอินเดียแล้วเมื่อ ปี ค.ศ. 1785 แต่ก็ถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอนในปี ค.ศ. 1786 หลังจากพ้นตำแหน่งไปแล้วและถูกไต่สวนอยู่หลายปี
ปัจจุบันในประเทศอังกฤษ มีการริเริ่มจะให้มีการพิจารณาถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว คือกรณีนาย Tony Blair ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1997-2007 โดยเมื่อกลางเดือนมิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา นาย Simon Heffer ซึ่งเป็นนักหนังสือพิมพ์อาวุโส และนักวิจารณ์การเมืองที่มีผู้ให้ความเชื่อถือมากในอังกฤษ ได้ประกาศว่า นาย Tony Blair จะต้องถูกสภาพิจารณาถอดถอนเนื่องจากนำอังกฤษเข้าสู่สงครามอีรักด้วยการโกหกต่อรัฐสภาและประชาชน การถอดถอนเป็นวิธีการที่ดีที่สุด สำหรับนายกรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่ามีความประพฤติเช่นนั้น หลังจากการประกาศของ Simon Heffer ก็มีความเคลื่อนไหวจากสมาชิกสภาบางคน เริ่มดำเนินการเพื่อการเตรียมการถอดถอนนาย Tony Blair แล้ว
ในประเทศอเมริกาก็มีกรณีของประธานาธิบดี George W. Bush ที่ดำรงตำแหน่งสองสมัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001-2009 และก็มีสมาชิกรัฐสภาบางส่วนพยายามจะให้มีการพิจารณาไต่สวนถอดถอน ด้วยข้อกล่าวหาหลายเรื่อง ที่สำคัญคือความผิดพลาดในการทำสงครามอีรัก แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่ช่วงก่อนที่ประธานาธิบดี George W. Bush จะ พ้นจากตำแหน่ง ก็มีความพยายามจากนักวิชาการบางกลุ่มรณรงค์ ให้มีการถอดถอนหลังจากพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าอาจเป็นการยาก เพราะในความเป็นจริงขนาดประธานาธิบดีที่ยังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกพิจารณาไต่สวนถอดถอน คะแนนเสียงในสภาก็ไม่พอที่จะถอดถอนได้ ก็ยังไม่สามารถถอดถอนได้
บทสรุป ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงจุดมุ่งหมายของการถอดถอน และตัวอย่างที่มีการดำเนินการในประเทศอังกฤษตลอดจนแนวคิดของนักวิชาการบางส่วนในอเมริกาดังกล่าวข้างต้น อาจสรุปได้ว่าการพิจารณาไต่สวนถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ชอบที่จะดำเนินการได้และก็สอดคล้องกับประเพณีการปฏิบัติของรัฐสภาคลอดจนเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญของไทยที่เคยมีการพิจารณาไต่สวนถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว







