ใช่...ผมเป็นเกย์

บางคนอาจตกอกตกใจ ที่เห็นผมเขียนเรื่องนี้ แต่อย่าถึงกับเป็นอะไรไปตอนนี้เลยนะครับ
เพราะกำลังจะบอกว่า “ผม” ในหัวข้อเรื่องนั้น ไม่ใช่ “ผม” ที่กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่หรอกครับ....รับประกันพันเปอร์เซ็นต์จริงๆ
“ผม” ในเรื่องนี้มีชื่อจริงว่า ทิม คุ้ก และไม่ใช่ ทิม คุ้ก ที่มีอยู่ทั่วไป แต่เป็นทิม คนเดียวกับที่นั่งอยู่ในตำแหน่ง ซีอีโอ ของบริษัทแอ๊ปเปิ้ล ที่ส่งไอโฟน 6 และ 6 พลัส ออกไปเขย่าให้คนทั้งโลก บ้าคลั่งกันมาเป็นเวลา 3-4 สัปดาห์แล้ว นั่นแหละครับ
เมื่อปลายเดือนต.ค. สองสัปดาห์ก่อนนี้เอง ขณะที่โลกกำลังกล่าวขวัญถึงไอโฟน 6 และ 6 พลัสอยู่นั้น ทิม คุ้ก ก็เขียนบทความลงใน บลูมเบิร์ก และประกาศว่า “ผมเป็นเกย์” นอกจากนั้น เขาย้ำต่อว่า “ผมภูมิใจ ที่เป็นเกย์ นี่คือพรอันสูงสุดที่พระเจ้า ได้ประทานให้แก่ผม” พร้อมทั้งแถมด้วยว่า “สังคมควรเข้าใจ ว่าความเป็นมนุษย์คนหนึ่งนั้น ไม่ได้ตัดสินกันเพียงแค่ว่า เพศอะไร เท่านั้น อย่าลืมว่า ผมยังเป็นอีกหลายอย่าง เช่นเป็นวิศวกร เป็นคุณลุง เป็นคนรักธรรมชาติ เป็นคนชอบออกกำลังกาย ชอบดูกีฬา ฯลฯ”
การเปิดเผยของทิม เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก แต่ความจริงการเป็นเกย์ ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจนัก เพราะสมัยนี้เกย์มีอยู่มากมาย ประเทศไทยเรา ก็ยอมรับความรู้ความสามารถของบุคคลกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีความเก่ง และมีพรสวรรค์ ในหลายๆเรื่อง ยิ่งในสหรัฐ หรือ ยุโรป เรื่องเกย์ เป็นเรื่องแสนจะปกติธรรมดา
สองสัปดาห์ก่อน ผมไปเยือนเยอรมัน ตอนอยู่ที่นั่นได้ไปเดินเล่นกับเพื่อน ก็เห็นผู้ชายสองคน นั่งจู๋จี๋กันอยู่ ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะ สักครู่หนึ่งชายทั้งสองคนก็หันหน้าเข้าจุมพิตกัน ปากชนปาก อย่างดูดดื่ม หลายต่อหลายครั้ง จนพวกเราห้าคน ซึ่งเป็นชายจริงหญิงแท้ ถึงกับเขิน และเดินหลบออกไปทางอื่น เมื่อเราห่างไปได้ประมาณ 50 เมตร หันกลับมาอีกที คราวนี้ทั้งสองคน ไม่ได้นั่งจุมพิตดูดดื่มกันเฉยๆแล้ว แต่เอนตัวลงนอน บนเก้าอี้สาธารณะ ชุลมุนชุลเก กันอยู่พรรคใหญ่เลยทีเดียว นี่คงถือเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นั่น
การที่ ทิม คุ้ก ประกาศว่าเขาเป็นเกย์ ไม่ได้ทำให้มีผู้คนประหลาดใจมากนัก เพราะคนที่แอ๊ปเปิ้ลและสังคมทั่วไป พอจะทราบกันมานานหลายปีแล้วว่าเขาเป็นเกย์ ดังนั้น การที่เขาตัดสินใจประกาศอย่างเป็นทางการครั้งนี้ จึงไม่ใช่การเปิดเผยความลับอันดำมืดแต่อย่างใด
ทิมประกาศว่า ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่ที่เขาออกมาประกาศชัดเจน อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ต.ค.นั้น ก็เพราะเขาต้องการให้คนที่เป็นเกย์ มีกำลังใจ และเขาต้องการให้การประกาศของเขานั้น มีน้ำหนัก ในการเรียกร้องสิทธิของชาวเกย์ เพราะรัฐอีกหลายรัฐในสหรัฐ ยังไม่ได้ให้สิทธิแก่ชาวเกย์ เท่าเทียมกับบุคคลอื่น เช่นบางรัฐ นายจ้างยังสามารถเลิกจ้างพนักงานที่เป็นเกย์ได้ เป็นต้น
ทันทีที่ทิมประกาศอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์ทั้งหลาย ต่างพุ่งเป้าไปวิเคราะห์ที่ผลกระทบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจของแอ๊ปเปิ้ล เพราะถึงแม้ว่าสหรัฐและยุโรป จะมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผย จำนวนไม่น้อยเลยก็ตาม แต่ ทิม คุ้ก เป็น ซีอีโอ ของบริษัทฟอร์จูน 500 คนแรก ที่ประกาศความเป็นเกย์อย่างเปิดเผย และยังเป็นช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเสนอขายสินค้าใหม่ ไอโฟน 6 และ 6 พลัส เสียด้วย
ประเด็นที่นักวิเคราะห์พุ่งความสนใจ ก็คือประเทศมุสลิม ทั้งหลาย ซื่งถือว่าการเป็นโฮโมเซ็กช่วล เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือประเทศที่ต่อต้านโฮโมเซ็กช่วล จะมีปฏิกิริยาต่อสินค้าของแอ๊ปเปิ้ลอย่างไร มีข้อมูลระบุว่า ประเทศ 77 ประเทศ ถือว่าโฮโมเซ็กช่วล เป็นอาชญากรรม และมีอยู่ 5 ประเทศ ที่การทำความผิดประเภทนี้ ต้องโทษถึงประหารชีวิต แล้วถ้าทิม คุ้ก จะเดินทางไปดูแลธุรกิจของแอ๊ปเปิ้ล ในประเทศเหล่านี้ จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือไม่ ฯลฯ
เพียงวันเดียวเท่านั้น หลังจากที่ ทิม คุ้ก ประกาศออกมา ปฏิกิริยาแรกก็เกิดที่ประเทศรัสเซีย เมื่ออนุสรณ์สถานแห่งความทรงจำ ที่สร้างไว้ให้เป็นเกียรติแก่ สตีฟ จ็อบ เมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากที่เขาเสียชีวิต ซึ่งเป็นรูปไอโฟนขนาดใหญ่ สูง 2 เมตรเศษ และตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ในเซ้นท์ ปีเตอร์สเบิร์ก ก็ได้ถูกถอดถอนออกจากที่ตั้ง เพราะรัสเซีย ต่อต้านความเป็นเกย์ และเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกกฎหมายห้ามเผยแพร่สิ่งใดก็ตามที่ส่งเสริมความเป็นเกย์ ไปสู่เยาวชน
นักการเมืองรัสเซียคนหนึ่ง ชื่อว่านาย วิตาลี มิโลน็อฟ ถึงกับเรียกร้องให้ประเทศรัสเซีย สั่งห้าม ทิม คุ้ก เข้าประเทศรัสเซีย ตลอดชีวิต แต่คนดังของโลก อีกคนหนึ่ง คือศิลปิน เอลตัน จอห์น ก็กล่าวในเฟสบุ้ค ของเขาว่า ประวัติแห่งความยิ่งใหญ่ของสตีฟ จ็อบ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เขาได้ใช้ ไอแพด สามารถเชื่อมโยงกับคนทั้งโลกได้นั้น จะถูกเขียนใหม่ ถูกรื้อทิ้งไป ด้วยเหตุเพียงเพราะผู้บริหารคนถัดมาเป็นเกย์... แค่นี้หรือ?
ส่วนประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่รับรู้กันว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ก็มีปฏิกิริยาที่หลากหลาย แต่เมื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่ง ได้ไปสอบถามความเห็นของบรรดาแฟนๆของแอ๊ปเปิ้ล ก็ได้คำตอบประมาณว่า “ยอมรับได้” อาทินักดนตรีวัย 29 ปี บอกว่า “ผมไม่ยอมทิ้งสินค้าแอ๊ปเปิ้ล ด้วยเหตุเพียงแค่นี้หรอกครับ” ส่วนนักศึกษาหญิงอีกคนก็กล่าวว่า “ฉันสนับสนุนทิม เพราะฉันเป็นคนใจกว้าง” ส่วนนายธนาคารอีกคน ก็กล่าวว่า “สตีฟ จ็อบ ก็ไม่เข้าท่าเหมือนกันแหละ แล้วใครแคร์เขาบ้างล่ะ ทำไมผมจะต้องแคร์เรื่องทิม เมื่อผมมีผลิตภัณฑ์แอ๊ปเปิ้ล ที่มีแต่คนอยากได้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว”
เท่าที่ตรวจสอบข่าวในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทิม คุ้ก ได้ประกาศความเป็นเกย์ อย่างเป็นทางการ ผลกระทบแม้จะมีบ้าง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถสั่นสะเทือน ความยิ่งใหญ่ของแอ๊ปเปิ้ลได้เลย ไอโฟน รุ่นใหม่ ยังขายกันระเบิด ในเมืองไทยเรา การประกาศของทิม คุ้ก ดูจะไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้น คล้ายกับว่า “เองจะเป็นอะไร ก็เป็นไปเถอะ ขอให้ข้าได้ไอโฟน 6 หรือ 6 พลัส มาครอบครองโดยเร็วก็แล้วกัน”
สรุปได้ว่าถ้าผลงานดีซะอย่าง การยอมรับก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก เรื่องอื่นถือเป็นเรื่องรอง เช่นกรณีทิม คุ้ก หรือ ถ้ามองย้อนหลังไปหลายปี กรณีของอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน สมัยที่มีพฤติกรรมทางเพศกับ ลูวินสกี้ และถูกเปิดเผยออกมาอย่างน่าอับอายก็ตาม เขาก็ยังได้รับการอภัยโทษ เหตุเพราะเศรษฐกิจสหรัฐ ในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีนั้น กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น คนส่วนใหญ่มีรายได้ดีและมีความสุขอย่างยิ่ง ก็เลยไม่ถือว่าเรื่องทางเพศของคลินตัน ร้ายแรงจนกระทั่งให้อภัยกันไม่ได้
ก็คงจะทำนองว่า “ถ้าผลงานดี แต่พฤติกรรมทางเพศเบี่ยงเบน ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ว่ากัน”
แต่ผมขอย้ำว่าอันนี้ ต่างกับ “ถ้าผลงานดี จะโกงบ้าง ก็ไม่ว่ากัน” นะครับ
เพราะอย่างแรก เรื่องเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นเรื่องความสุขส่วนตัว ในที่ลับ ระหว่างคนสองคน ไม่มีใครเดือดร้อน
อย่างหลังนั้น (การโกง) ก็เป็นเรื่องความสุขส่วนตัว ทำในที่ลับ ระหว่างคนสองคน คือผู้ให้และผู้รับ เหมือนกัน
แต่อย่างหลัง มันเป็นการเอาผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ ไปเป็นความสุขส่วนตัวครับ







