"ปฏิรูป"กับ"คอนเน็คชั่น" ไปด้วยกันได้อย่างไร?

"ปฏิรูป"กับ"คอนเน็คชั่น" ไปด้วยกันได้อย่างไร?

คำว่า “ความสัมพันธ์” ในภาษาไทยน่าจะแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “relationship”

มีความหมายกลาง ๆ ในทำนองว่ารู้จักกัน มีความเกี่ยวโยงกัน จะสนิทสนมแค่ไหนหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำว่า “คอนเน็คชั่น” หรือ connection มีความหมายขยับใกล้เข้าไปอีกหน่อย สะท้อนถึงการเชื่อมโยงที่สนิทแน่นขึ้นกว่า “ความสัมพันธ์” ธรรมดา

มีความหมายบวกก็ได้ ลบก็ได้ แล้วแต่คนพูดต้องการจะสื่อไปทางไหน

ภาษาจีนมีคำว่า “กวนซี่” (关系) ซึ่งมีความหมายทำนองเดียวกัน และมีผลต่อสังคมจีนทั้งด้านบวกและลบคล้าย ๆ กัน

เช่นถ้าบอกว่า “คนนี้มี connection ดี” อาจหมายความว่าเขารู้จักคนมาก หรือเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง ทำอะไรก็สำเร็จได้ง่าย

แต่ถ้าบอกว่า “เขาได้งานนี้มาเพราะ connection ก็จะส่อไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก ตีความได้ว่าที่เขาได้งานมาไม่ใช่เพราะฝีมือหรือความสามารถ หากแต่เป็นเพราะรู้จักกับคนที่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้

อาจจะแปลว่ามีความไม่ชอบมาพากลซ่อนเร้นอยู่

และตีความได้เพิ่มเติมว่าคนที่ไม่มี connection ก็จะเสียเปรียบและที่ไม่ได้งานก็เพราะไม่มี connection

ภาษาไทยมีคำที่ละม้ายคล้ายกับ connection คือ “เส้นสาย” ซึ่งเมื่อเอ่ยแล้วไม่ต้องอธิบายความมากมาย ความหมายคือการใช้ความสัมพันธ์พิเศษส่วนตัว เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ไม่ควรจะได้หรือเป็นการเอาเปรียบคนอื่นที่ไม่มีเส้นไม่มีสาย

เมืองไทยกับ “เส้นสาย” มีความเชื่อมโยงกันใกล้ชิด และอาจจะเป็นที่มาของปัญหาที่ไม่ชอบมาพากลมากมายในบ้านเมือง

ช่วงหลังมีคนใช้คำว่า connection เกี่ยวกับการได้มาซึ่งตำแหน่งในสภานิติบัญญัติบ้าง สภาปฏิรูปแห่งชาติบ้าง

บางคนถึงกับระบุว่าเป็น “จุฬาฯคอนเน็คชั่น” บ้าง

หรือ “เซ็นต์คาเบรียลคอนเน็คชั่น” บ้าง

เพราะมีศิษย์เก่าของสองสถาบันการศึกษานี้ได้รับตำแหน่งสำคัญ ๆ ในโครงสร้างการเมืองใหม่

ข้อเท็จจริงว่าคนจบจากสองสถาบันนี้ได้รับตำแหน่งนั้นยืนยันได้ แต่ไม่มีใครยืนยันหรือปฏิเสธว่าที่เขาหรือเธอเหล่านั้นได้ตำแหน่งเพียงเพราะจบจากสองสถาบันนี้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นประกอบเลยหรืออย่างไร?

เพียงแค่เอ่ยถึง “คอนเน็คชั่น” แต่ยังไม่มีใครบอกว่าเป็นเรื่องการ “เล่นเส้น” จึงพอจะเหมาเอาว่าคนที่พูดยังไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าตำแหน่งที่ได้มานั้นเป็นเพียงเพราะเรียนหนังสือมาด้วยกันเท่านั้น

แต่นั่นก็เป็นประเด็นที่สำคัญสำหรับผู้บริหารบ้านเมืองในยามนี้ ที่มีอำนาจค่อนข้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะหากการตัดสินใจให้ตำแหน่งใครไม่โปร่งใส ชัดเจนและอยู่บนพื้นฐานของผลงานและประวัติการทำงานจริง ๆ ผู้คนก็อาจจะตีความไปในทางที่เกี่ยวกับ “ความรู้จักมักคุ้นส่วนตัว” ที่ไม่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถ

สังคมทุกวันนี้ไปไกลเกินกว่าที่ connection จะกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพราะท้ายที่สุดคนทั่วไปก็จะประเมินคุณภาพของคนที่ได้รับการแต่งตั้งไปในตำแหน่งต่าง ๆ ด้วยผลงานเท่านั้น ส่วนใครจะมี “คอนเน็คชั่น” กับใครอย่างไรนั้นไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการพิจารณาในการวัดผลงาน

เผลอ ๆ ใครที่มี “ความเชื่อมโยงส่วนตัว” กับผู้มีอำนาจและได้รับตำแหน่งสำคัญ ๆ อาจจะถูกมองไปในทางลบตั้งแต่ยังไม่ทำงาน กลายเป็นข้อด้อยมากกว่าจะเป็นประเด็นได้เปรียบด้วยซ้ำไป

ทหารเรียนมารุ่นเดียวกัน พลเรือนมาจากโรงเรียนเดียวกัน หรือไปเรียนหลักสูตรต่าง ๆ นับรุ่นกัน มีการกินเลี้ยงพบปะสังสรรค์รุ่นนั้นรุ่นนี้แล้วกลายเป็น “คอนเน็คชั่น” ที่นำไปสู่การแบ่งสรรตำแหน่งกัน จะกลายเป็นข้อครหามากกว่าเป็นจุดแข็งของการสร้างเครือข่ายของกันและกัน

“เพื่อนร่วมรุ่น” จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ในการก้าวขึ้นมารับตำแหน่งที่มีผลประโยชน์เอื้อต่อกัน เพราะหากทุกอย่างกำหนดด้วย “connection” ก็ย่อมจะแปลว่าการ “ปฏิรูป” ที่เป็นหัวข้อหลักของสังคมวันนี้ไม่ได้ดั่งที่เพรียกหากันมาตลอด

เพราะคำว่า “ปฏิรูป” กับ “เส้นสาย” ไม่อาจไปด้วยกันได้เป็นอันขาด