ค่า Beta ก่อนและหลังวิกฤตการเงิน

ค่า Beta ก่อนและหลังวิกฤตการเงิน

ค่า Beta เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงของหุ้น โดยวัดความอ่อนไหวเมื่อดัชนีตลาดมีการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น นักลงทุนมักจะสร้างพอร์ตการลงทุนโดยคำนึงถึงค่า Beta ของพอร์ตซึ่งจะเท่ากับค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นแต่ละตัวไว้ด้วย เพราะจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าว่าหากอัตราผลตอบแทนตามดัชนีตลาดเปลี่ยนแปลงไป 1% อัตราผลตอบแทนของพอร์ตก็จะเปลี่ยนแปลงตามเท่ากับ Beta%

การศึกษาค่า Beta ของหุ้นไทยจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

หุ้นแต่ละตัวจะมีค่า Beta เฉพาะของตนเอง และค่านี้น่าจะขึ้นกับรายได้จากการทำธุรกิจของตนว่าจะมีความผันผวน อ่อนไหวตามดัชนีตลาดซึ่งสามารถใช้บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจเพียงไร อย่างไรก็ตามหากระบบเศรษฐกิจมีการปรับโครงสร้าง ค่า Beta ของหุ้นนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

ผมจึงสนใจในการเปรียบเทียบค่า Beta ของหุ้นไทยก่อนและหลังวิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินบาทใน พ.ศ. 2540

ผมสร้างพอร์ตหุ้นโดยแบ่งเป็น 6 อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต สาธารณูปโภค ขนส่ง ธนาคาร ประกันภัย หลักทรัพย์ และทดลองคำนวณค่า Beta ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม โดยทำทีเสมือนถือหุ้นทุกตัวในอุตสาหกรรมนั้นในสัดส่วนเท่าๆ กัน ผมสามารถคำนวณค่า Beta ของอุตสาหกรรมเหล่านั้น ดังแสดงในรูปค่า Beta รายเดือนของพอร์ตแต่ละอุตสาหกรรมก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจค่อนข้างคงที่ โดยกลุ่มที่มีค่า Beta สูงคือธนาคาร หลักทรัพย์ และสาธารณูปโภค โดยกลุ่มเหล้านี้มีค่า Beta สูงกว่า 1 ส่วนกลุ่มที่มีค่าระดับกลางได้แก่ ขนส่ง และการผลิต มีค่าระหว่าง 0.6-0.7 กลุ่มประกันภัยจะมีค่าต่ำสุด แสดงว่าไม่ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดหุ้นมากนัก

เราลองมาดูสถานการณ์หลังวิกฤตเศรษฐกิจบ้าง

ในกลุ่มที่เคยมีค่า Beta อยู่สูง ภาพของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยกลุ่มธนาคาร สาธารณูปโภค และหลักทรัพย์มีค่าลดลงกระจุกกันอยู่ในระดับ 0.6-0.8 ขนส่งยังมีค่าไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่กลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่มีค่า Beta สูงสุด และกลุ่มธุรกิจประกันภัยยังอยู่ในระดับ 0.3 เดิม

ลองเอาความรู้นี้ไปจัดพอร์ตของท่านดูครับ