ความสลับซับซ้อน ของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

ความสลับซับซ้อน ของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์

ปัญหาที่แก้ไขยากเผชิญหน้าอย่างแพ้ไม่ได้คือเรื่องอิทธิพลจีน

ในเดือนที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง อยากจะให้ท่านผู้อ่านทำใจนิ่งๆ นะครับแล้ววิเคราะห์เหตุการณ์ให้ดีก็พอจะทำให้รู้ที่มาที่ไปและจัดการกับสภาวะดังกล่าวไปได้ด้วยดีครับ

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะวนเวียนเรื่องที่เคยได้เรียนไว้คือเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยูเครนหรือเรื่องตะวันออกกลางและอาจหมายรวมถึงปัญหาที่รอคอยวันจะยุ่งยากมากขึ้นในเอเชียแปซิฟิกของเราคือเรื่องอิทธิพลของจีน เพียงแต่ว่าปัญหาดังกล่าวข้างต้นยังไม่ส่งผลกระทบกับตลาดการเงินของเราเท่าไรนัก

บรรดานักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา และที่ตามมาห่างๆ คือสหภาพยุโรป หากเราจะจัดลำดับความสำคัญ (prioritize) ของประเด็น ผมก็ยังคงให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอยู่นะครับ ถึงแม้ว่าปัญหาภูมิรัฐศาสตร์จะทำให้ผมมีความกังวลใจอยู่พอควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งยังมองหาทางออกไม่ได้ มันก็คงต้องเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างห่างๆ ต่อไป

ผลกระทบในระยะยาวต้องนำมาวิเคราะห์ในเวลาต่อไปแน่นอน กลับมาที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน (fundamental) ยังคงบ่งชี้ว่ายังคงมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดัชนีคงมีหลายตัวที่บอกเราอย่างที่ว่า แต่หลักของเราของเริ่มที่สิ่งที่ Fed จับตาดู (จำได้ไหมครับ) คือการจ้างงานและระดับราคา โดยมี benchmark อยู่ที่อัตราการว่างงานที่ไม่สูงกว่า 6.5%และระดับราคา (เงินเฟ้อ) อยู่ที่ไม่เกิน 2%

อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับไม่เกินเป้าหมายของFed โดยที่ในเดือนล่าสุด (กรกฎาคม) อยู่ที่ 6.2% ถึงแม้ว่าจะสูงขึ้นเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non Farm Payroll) ก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดี ถึงแม้ว่ายังมีอาการไม่แน่นอนอยู่บ้าง ส่งผลให้ตลาดการเงินจับไปเป็นประเด็นเรื่อง Under Employment อยู่ในขณะนี้ก็ตาม อัตราเงินเฟ้อก็ไม่เป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด

ดังนั้นผมเชื่อว่าการลดการทำQE และเลิกในที่สุดคงเป็นไปตามที่ Fedวางไว้ และตอนนี้ตลาดของเราก็ไม่ได้เล่นเรื่องนี้แล้ว เชื่อว่าจากนี้ไปตลาดจะเล่นข่าวเรื่องเมื่อใดที่Fedจะขึ้นดอกเบี้ยซะมากกว่า จริงๆ ก็เริ่มมีการพูดถึงกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าระดับราคายังไม่ได้เป็นภัยคุกคามอย่างที่บอกข้างต้น

ทำไมหุ้นลงซะอย่างนั้นล่ะ บางท่านอาจจะถาม แล้วเรื่องอาร์เจนตินา (Argentina) "ชักดาบ”ล่ะมีผลกระทบหรือเปล่า มุมมองของผมนั้นเอาเรื่องอาร์เจนตินาก่อนแล้วกัน การผิดนัดครั้งนี้ไม่น่าจะต้องตกอกตกใจไปมากเกินควร หากเราพิจารณาจากขนาดของหนี้และฐานะทางการเงินของอาร์เจนตินาเอง ซึ่งไม่ได้อยู่ในขั้นเลวร้ายมากนัก

ผมเชื่อว่าสุดท้ายปัญหานี้จะไม่ลุกลามคงจะตกลงกันได้ แล้วที่หุ้นลงมานั้นก็คงเป็นเรื่องการทำกำไรระยะสั้นมากกว่า ซึ่งผมมองเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เราสามารถเข้ามา "ช้อนซื้อ”กันได้ สำหรับท่านที่พลาดโอกาสไปในหลายๆ รอบที่ผ่านมา เพียงแต่ระดับที่จะเข้าไปช้อนนั่นต้องไปดูทางเทคนิคสักเล็กน้อยนะครับ ว่ามีสัญญาณ (signal) ตรงไหน

สำหรับผมเองนั่นการ "long America”ยังคงมีโอกาสที่จะทำกำไรได้ดี ถึงแม้จะมีการกำไรระยะสั้น ส่งผลให้มีการปรับตัวลงมาหรือบทวิเคราะห์ที่ออกมาในแนวว่า "แพงเกินไป”อยู่บ้างก็ตาม

หันมาดูระยะยาวบ้าง ตามที่ผมเกริ่นไว้เล็กน้อยเรื่องปัญหาGeopolitics โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียแปซิฟิกแถวบ้านเรานี้แหละ สิ่งที่ผมคิดว่าโดยทั่วไปยังคงมีการพูดถึงกันน้อย แต่น่าจะเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากและมีการเผชิญหน้ากันอย่าง "แพ้ไม่ได้” ก็คือเรื่องอิทธิพลของจีน ซึ่งตอนนี้เริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มจากปัญหาเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้กับประเทศเล็กกว่า เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ หรือปัญหากับญี่ปุ่นในทะเลตะวันออก การที่เกาหลีใต้มีปัญหากับญี่ปุ่นในเรื่องดินแดนในทะเล หรือที่รัสเซียโดนยุโรป "รุม” แล้วหันมาญาติดีกับจีน ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งชี้การเป็นระเบิดเวลาทั้งสิ้น

ผมเริ่มเห็นการวิเคราะห์จากต่างประเทศว่าเหตุการณ์เรื่องที่เกิดขึ้นขณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของจีน มันคล้ายคลึงกับชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1 กล่าวคือเรื่องของข้อขัดแย้งเรื่องดินแดนหรือการหวนคืนกลับมาของลัทธิชาตินิยม การวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการนำประวัติศาสตร์มารับใช้ปัจจุบันด้วยการเทียบเคียงเหตุการณ์ น่าจะเป็นผลดีต่อการดูแลและปกป้อง


ผลประโยชน์ของเรานะครับ ตอนนี้ยังดูไกลตัว แต่เริ่มๆ คิดไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราคาของสินทรัพย์ใด จะได้ประโยชน์โภคผลจากสถานการณ์ดังกล่าว

โดยสรุปก็คือ ระยะสั้นยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงเป็นไปตามที่เคยวิเคราะห์ คือ เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัว จะมีการพูดเรื่องดอกเบี้ยอเมริกาสูงขึ้น ในระยะยาวคงต้องอาศัยประวัติศาสตร์มารับใช้ปัจจุบัน เรื่องของจีนและผลกระทบต่อราคาทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์สินทางการเงิน และทั้งหมดเป็นความเห็นของผมส่วนตัว และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับทราบด้วยครับ