"พยัคฆ์ไพร...พิทักษ์ไพร"

"พยัคฆ์ไพร...พิทักษ์ไพร"

ประเทศไทย มีพื้นที่ป่าไม้รวม 77 ล้านไร่ เทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดนครนายก รวมกัน 7 เท่า

ส่วนการทำลายป่าทุกปี มีขนาดเท่าพื้นที่กรุงเทพฯ และหากไม่หยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่า ของชาวบ้านและนายทุน ป่าในประเทศไทยจะหมดไปในเวลาไม่เกิน 10 ปี และนี่คือภารกิจของชุดปฏิบัติการพิเศษ "พยัคฆ์ไพร" ที่ขึ้นตรงกับอธิบดีกรมป่าไม้ "ธีรภัทร ประยูรสิทธิ"

ชุด "พยัคฆ์ไพร" เป็นปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ 1 ชุด และชุดปฏิบัติการพิเศษย่อย 7 ชุด ติดตามตรวจสอบคดีสำคัญ และคดีผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ที่เข้าไปบุกรุกหรือครอบครองผืนป่าอย่างผิดกฎหมาย คดีลักษณะนี้เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ จะทำได้

ปฏิบัติการแรกของชุดพยัคฆ์ไพร ที่ผมและทีมข่าว Nation X Files เกาะติดหลายเรื่อง อาทิเช่น การตรวจสอบรถตู้คอนเทนเนอร์ 21 คัน ที่ท่าเรือเชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเดือนมิถุนายน เป็นข่าวใหญ่เมื่อพบว่าบนรถบรรทุกทั้ง 21 คัน มีท่อนไม้ผิดสังเกต ไม่มีตราประทับของกรมป่าไม้ และด่านศุลกากร และตามมาด้วยปฏิบัติการจับกุมขบวนการตัดไม้ป่าสาละวิน การปฏิบัติการยึดที่ดินกว่า 300 ไร่ที่ราชบุรี จากการก่อสร้างถนนขวางต้นน้ำ ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติเขาลวก เขาเมือง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ทั้งหมดนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น

เพื่อให้การทำงานแก้ปัญหาบุกรุกป่าไม้ ไปเป็นอย่างรวดเร็ว นอกจากตั้งชุดพยัคฆ์ไพรแล้ว กรมป่าไม้ ยังจะเตรียมประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้ามาตรวจสอบคดีเชิงลึกในคดีสำคัญๆ เพื่อให้เข้าถึงตัวการ และนายทุนตัวจริง 2 หน่วยคือ ปปง.ร่วมปฏิบัติการที่ จ.ราชบุรี ป.ป.ท.ร่วมปฏิบัติการที่ จ.สระบุรี

ภารกิจชุด "พยัคฆ์ไพร" คือ สะสางคดีสำคัญ โดยจะต้องเร่งดำเนินคดีป่าไม้ที่มีอยู่กว่า 40,000 คดีในรอบ 7 ปีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมเตรียมเสนอแก้กฎหมายป่าไม้ที่ล้าสมัยต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. พิจารณาในส่วนที่เป็นกรอบการปฏิรูปประเทศ ด้านการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เสนอให้แก้กฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ 4 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.บ.ป่าไม้ ปี 2484, พ.ร.บ.ป่าสงวน ปี 2507, พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ ปี 2545 และ พ.ร.บ.สวนป่า ปี 2535 ให้มีความทันสมัยและทำงานได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากการปฏิบัติการบางอย่างติดขัดในข้อกฎหมาย

นอกจากนี้ยังมีแผนปฏิบัติการเชิงรุก สร้างสายลับป่าไม้ เป็นคนในพื้นที่ทั่วประเทศที่พบเห็นการบุกรุกป่า และเพื่อตรวจสอบ ลงโทษเจ้าที่ที่ร่วมกระทำความผิดหรือรู้เห็นในการทำลายป่าไม้ โดยจะลงโทษสูงสุดทางวินัย และดำเนินคดีอาญา ขณะนี้หลายคดีมาจากการแจ้งเบาะแสของ "สายลับป่าไม้"

กรมป่าไม้ เตรียมเสนอ คสช.จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ด้วยการดึงทุกภาคส่วน เข้าร่วมติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าทุกแห่ง เพื่อแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที

หากเราปล่อยให้ความเจริญ และการพัฒนาเติบโตโดยไม่จำกัดพื้นที่ อีกไม่นานผืนป่าที่คอยรักษาสมดุลธรรมชาติจะต้องหมดไปจากประเทศไทย