ว่าด้วยเรื่อง "ศรัทธา"

ว่าด้วยเรื่อง "ศรัทธา"

ช่วงที่ผ่านมา พี่ป้าน้าอาจำนวนมากมาย ต่างหลงใหลชอบใจกับเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย”

ที่ฮอตฮิตติดหูชั่วข้ามคืน

"เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน..."

"เราจะทำอย่างซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจ และศรัทธา..."

เมื่อมองกลับมาในองค์กร พวกเราคนทำงานตระหนักดีว่า เรื่องความ "ศรัทธา" ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความมั่นใจในตัวหัวหน้า สำคัญยิ่งเหนือสิ่งใด

หากไว้วางใจกัน

เรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก

เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไม่ถือสากัน

ในทางตรงข้าม หากไม่ไว้วางใจกันเสียอย่าง

ไม่มีเรื่อง ก็ทำให้มีได้ ไม่ยาก

ขณะที่เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องลำบากขนานใหญ่ได้ทุกขณะจิต

จึงไม่ต้องคิด ว่าหากมีเรื่องใหญ่ ย่อมไม่จบง่ายๆ กลายเป็นเรื่องแตกหัก รักคุด

การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จึงเป็นประเด็นที่หัวหน้าต้องให้ความสำคัญ หากมุ่งมั่นที่จะสร้างทีม สร้างงาน สร้างอนาคต

วิธีการทำให้คนรอบข้างไว้เนื้อเชื่อใจ ทำได้หลากหลายหนทาง วันนี้ลองมาดูวิธีของ Dr. Kenneth Blanchard ศาสตราจารย์และกูรูผู้มีชื่อเสียงด้านการบริหารและการเป็นผู้นำกันค่ะ

อาจารย์แนะนำสูตรเก๋ไก๋ ใช้ชื่อว่า ABCD Trust Model

ลองมาไล่เรียงกันค่ะว่าทฤษฎีและชื่อนี้ มีที่มาอย่างไร

จากการวิเคราะห์เจาะลึกศึกษาทีมงานที่ประสบความสำเร็จ อาจารย์พบว่าผู้นำทีมมีความสำคัญเป็นลำดับต้น เมื่อคนในทีมไว้เนื้อเชื่อใจหัวหน้า ผลปรากฏว่างานก็ออกมาดีงามตามไปด้วย

ระดับความสำเร็จของทีม จึงเกี่ยวพันโยงใยกับระดับความไว้วางใจที่ทีมมีให้ผู้นำ

เมื่อกลั่นต่อเพื่อศึกษาว่า หัวหน้าที่ได้รับการไว้วางใจ เขาทำตัวอย่างไร ทีมวิจัยจึงสรุปได้พฤติกรรมหลัก ABCD ดังนี้ค่ะ

1.A-Able

คนที่ Able ใน ABCD หมายถึง มีความสามารถ มีทักษะ มีผลงาน มีความเชี่ยวชาญในบางอย่าง เพื่อให้ลูกน้องระดับล่างลงไป ไม่ต้องกังวลสงสัยว่า มีหัวหน้าเอาไว้ทำไมหนอ

ยิ่งหัวหน้าที่ต้องบริหารคนเก่ง (หรือคนที่คิดว่าตนเองเก่ง) ยิ่งต้องเร่งสยบ ว่าหัวหน้าอย่างฉันก็ครบเครื่อง

เราอาจไม่เชี่ยวชาญลงลึกศึกษาปริญญาเอกเหมือนน้องเขา แต่เราก็รู้กว้าง รู้จริงในสิ่งอื่นใดที่น้องไม่รู้

ยามมีปัญหา พี่ก็มีปัญญาหาทางออกให้

ยามนี้ จึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมผู้นำระดับประเทศจึงได้ใจคนไม่น้อย เพราะปัญหาที่ซับซ้อนสั่งสม ที่มีปมลึกล้ำ จนประชาชนคนธรรมดาถอดใจว่าไม่น่าจะแก้ได้ เพราะดูเหมือนมีผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ ก็ค่อยคลี่คลาย เพราะผู้นำที่ Able กล้าทำกล้าแก้นี่เอง

สรุปว่า หากหัวหน้าทั้งไม่รู้ ไม่เก่ง ไม่เป็น ลูกทีมย่อมเห็นว่า เมื่อหัวหน้าเอาตัวเองยังไม่รอด แล้วลูกทีมอย่างเราจะปลอดภัยไหม

ยามมีที่ใหม่ ไปดีกว่า

2.B-Believable

ท่านเป็นหัวหน้าที่รักษาคำพูด น่าเชื่อถือ

ไม่เหลาะแหละเหลวไหล ไม่ลอยมาลอยไปตามกระแสแห่แหน

หัวหน้าที่มีพฤติกรรม Believable ข้อนี้ ย่อมเป็นลูกพี่ที่ลูกน้องพร้อมเชื่อ เพราะรู้ว่าพี่เราเขาคงเส้นคงวา พูดคำไหนคำนั้น

ไม่มีลับลมคมใน ทั้งยังโปร่งใส และเป็นธรรม

ทั้งนี้ หัวหน้าไม่เก่ง ไม่ Able ในข้อแรกยังพอให้อภัย

แต่หากลูกน้องไม่ไว้ใจ เพราะเชื่อท่านไม่ได้

...จบ

3.C-Connected

Connected หรือเชื่อมโยง ในกรณีนี้หมายถึงการให้ความสำคัญ เชื่อมโยงเรื่องคน

นั่นคือหัวหน้าอยู่ใกล้ชิด โดยไม่คิดว่าลูกน้องเป็นเพียง “ลูกจ้าง” ที่เมื่อให้เงินแลก เขาต้องพร้อมแบกงานให้ เขาจะมีชื่อเสียงเรียงนามอะไร ไม่ต้องสนใจ เสียเวลาทำมาหากิน

เมื่อไม่มีผลงาน ก็มีเงินจ้างคนใหม่ ไม่เห็นยาก

ในทางตรงกันข้าม ลูกพี่ที่ทำให้ลูกน้องศรัทธา คือ หัวหน้าที่สอดส่องใส่ใจในสารทุกข์สุกดิบ

ยามทำดีพี่ก็เห็น ทั้งชื่นชมให้ลูกน้องชื่นใจ ยามไม่สบายใจพี่ก็รู้ เพราะพี่ดูเราอยู่ไม่ห่าง

เมื่อใจเชื่อมถึงใจ

เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย...สบายพี่

4.D-Dependable

หัวหน้าที่มีทีมพร้อมไปไหนไปกัน ไม่เกรงแม้อันตราย มีพฤติกรรมสำคัญหนึ่งซึ่งแตกต่างจากหัวหน้าทั่วไป คือ เขาทำให้ลูกน้องมั่นใจว่า "พึ่งได้"

ยามดีๆ ย่อมไม่มีเรื่องต้องกังวล ต่างคนต่างทำตามหน้าที่

แต่ตอนวันร้ายหรือคืนไม่ดี สิ่งที่ลูกน้องต้องการยามเดือดร้อน ตกต่ำ หรือทำงานพลาด คือการมีพี่ที่คอยคุ้มครอง เป็นกำแพงแกร่งกั้นกันอันตราย

ยามมีเรื่องร้ายๆ พี่เขาเอากายบังไว้ก่อน

ในทางตรงกันข้าม หากมีปัญหาทีไร พี่ชิ่งไปก่อน ก็ต้องห้ามงอนหากลูกทีมเอาใจออกห่าง เพราะเขาไม่อยากเคว้งคว้างหวาดผวา

สรุปว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างได้ และต้องใช้เวลาสั่งสม

แต่เมื่อเพาะบ่มได้ที่ จะมีดอก ผลิใบให้ชื่นชม

รื่นรมย์กลมเกลียวกันทั้งทีม