อัยการศึกกับภาวะวิกฤติ

"กองทัพ" ได้ประกาศ "กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร" แต่มีข้อเสนอจาก "องค์กรสิทธิมนุษยชน" ทั้งในและระหว่างประเทศ
ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกเสีย เพราะว่ากฎอัยการศึก ละเมิดสิทธิมนุษยชน
>>>ทุกครั้งที่มีการ ปฏิวัติ รัฐประหาร จะประกาศให้ใช้กฎอัยการศึกทุกครั้ง กฎอัยการศึก เป็นเครื่องมือของทหารที่เข้ามายึดอำนาจ ปกติกฎหมายนี้จะประกาศใช้ได้แต่เฉพาะเวลามีสงคราม หรือ จลาจล หรือมีความจำเป็นที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยให้ปราศจากภัย เป็นกฎหมายที่มีไว้ใช้ในยามที่ประเทศอยู่ใน "ภาวะวิกฤติ"
>>> ปี 2541 มีพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึกอยู่ในเขตอำเภอพื้นที่ชายแดน รวม 20 จังหวัด ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 และเมื่อเกิดสถานการณ์ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประกาศกฎอัยการศึกบางพื้นที่
>>> เมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึก "ทหาร" มีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตาม 3 เรื่อง คือ การยุทธ์ การระงับปราบปราม การรักษาความสงบเรียบร้อย ทหารมีอำนาจตรวจค้น เกณฑ์ ห้าม ยึด เข้าอาศัย ทำลายหรือเปลี่ยนแปลง และ ขับไล่ ทหาร ยังมีอำนาจตรวจค้น เช่น ตรวจข่าวสาร จดหมาย โทรเลข ภาพบทโฆษณา บท คำประพันธ์ การห้ามประชาชนมั่วสุม ห้ามรับหรือส่งซึ่งวิทยุ วิทยุกระจายเสียง หรือ วิทยุโทรทัศน์ ห้ามใช้ทางสาธารณะเพื่อการจราจร ห้ามมีหรือใช้เครื่องมือสื่อสารหรืออาวุธ ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในเวลาที่กำหนด
>>> ระยะเวลาที่ผ่านมา ภายหลังการ "รัฐประหาร" ประชาชนก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีแต่ผู้ที่ "ซ่องสุมอาวุธ" ที่โดนตรวจค้น จับกุม ในด้านหนึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าประชาชน ตกอยู่ในภาวะอันตรายจากบุคคลเหล่านี้ ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ เพราะว่ามีรัฐบาลที่ผิดปกติวิสัย ขณะที่ "นักสิทธิมนุษยชน" มิได้ตระหนักถึงภัยคุกคามที่มีต่อคนไทย จากผู้ซ่องสุมอาวุธ หรือผู้ลงมือซุ่มยิงทำร้ายประชาชน รวมถึงสถานที่ราชการทั้งศาลและองค์กรอิสระ
>>> ในภาวะเช่นนี้ "ตำรวจ" ทำงานไม่แข็งขัน มีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหารจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งบางครั้งต้องจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ เช่น เสรีภาพในการสื่อสาร เสรีภาพในเคหสถาน แต่ไม่ห้ามประชาชนใช้เสรีภาพในการชุมนุม ทั้งนี้เพื่อจรรโลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง ทหารตระหนักที่จะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ดูจากการเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมหารือถึงทางออกประเทศ
>>> ดังนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ หรือนำเสนอข้อคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ก็เพื่อป้องกันการยั่วยุ ปลุกระดม ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ข้อเรียกร้องว่า "กอ.รส." ต้องคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อยกเว้นนั้นย่อมเป็นข้อเรียกร้องที่เปิดโอกาสให้ขบวนการซ่องสุมอาวุธ นำเอาอาวุธออกมาทำร้าย หรือ ก่อเหตุร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
>>> "นักสิทธิมนุษยชน" ต้องทบทวนความคิดตัวเองใหม่ว่า ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาวะปกติจริงๆ +++ ตามที่ สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับ คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา กำหนดจัดสัมมนาเพื่อกำหนดประมวลจริยธรรมสมาชิกวุฒิสภา เรื่อง “จริยธรรมกับภาพลักษณ์องค์กร” ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม เวลา 10.30-16.30 น. ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ นั้น ขอแจ้งเลื่อนการจัดสัมมนาดังกล่าวออกไปก่อน โดยไม่มีกำหนด







