นาย ก. - วิชาแพะ 23 ปียังทะเลาะเรื่องเดิม

นาย ก. - วิชาแพะ 23 ปียังทะเลาะเรื่องเดิม

วันก่อนเปิดฟังเพลงใน youtube ฟังไปฟังมาไปเจอเพลงในอัลบั้ม "วิชาแพะ" ของคาราบาว วงดนตรีแนวเพื่อชีวิตชื่อดัง

มีเพลงเอกในอัลบั้มนี้เพลงหนึ่งชื่อเพลง "นาย ก." ซึ่งหมายถึง "นายกรัฐมนตรี" เนื้อเพลงเรียกร้องให้ประเทศไทยมีนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน

อัลบั้มชุดนี้ออกวางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2534 ซึ่งเป็นยุคหลังการรัฐประหารของ รสช. และเริ่มมีกระแสจากทางฝ่ายการเมืองว่า นายทหารที่กระทำการยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในนามคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ ร.ส.ช.นั้น มีแนวโน้ม "ตระบัดสัตย์" ด้วยการสืบทอดอำนาจ เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ทั้งๆ ที่ตอนทำรัฐประหาร ยืนกรานว่าไม่ได้ต้องการอำนาจใดๆ

วงดนตรีคาราบาวก็เลยนำมาแต่งเป็นเพลง "นาย ก." กระตุกเตือนแบบอ้อมๆ (เพราะเขียนตรงๆ ไม่ได้ในยุคทหารครองเมือง) ว่า นายกฯควรจะมาจากการเลือกตั้งนะ ไม่ใช่ลากตั้ง

ตอนต้นเพลงเขียนเหน็บแนมเอาไว้แบบนี้... "ทางเขามีให้เดิน, ทำไมจึงไม่เดิน, มันไม่เพลิดไม่เพลิน, เดินไม่เป็นหรือไร, ใจลองไตร่ลองตรอง, ว่าควรมิควรเช่นไร, นี่น่ะแผ่นดินไทย, ไม่ใช่แผ่นโรตี..."

ส่วนตอนจบเพลงก็จบแบบแสบๆ คันๆ ตามสไตล์วงดนตรีหัวควาย "ทางเขามีให้เดิน, คงต้องก้มหน้าเดิน, มันจะขาดจะเกิน, ควรต้องเดินต่อไป, ใครว่าสูงยิ่งหนาว, ยิ่งสูงควรยิ่งตั้งใจ, นาย ก.ไต่กระได, โปรดนำไปสู่สรวงสวรรค์"

ที่ยกเรื่องนี้และเพลงนี้มาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างคู่ขัดแย้งฝ่ายใดในวิกฤติการเมืองไทย ณ ปี 2557 แต่อยากจะสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไทยยังคงทะเลาะกันเรื่องเดิม คือ "นายกฯควรมาจากการเลือกตั้งหรือไม่?" แม้ว่าเวลาจะล่วงผ่านมานานถึง 23 ปีแล้ว

ปี 2534 เรากลัวทหาร (ที่มาจากการรัฐประหาร) สืบทอดอำนาจ เราก็ร้องเพลงรณรงค์ให้นายกฯมาจากการเลือกตั้ง

ปี 2557 เรากลัวทักษิณ (ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง) ยึดประเทศ เราก็เลยพยายามหาช่องให้นายกฯไม่มาจากการเลือกตั้ง

สิ่งที่ควรหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อสังเกตก็คือ หลังวิวาทะเรื่องนายกฯควรมาจากการเลือกตั้งในปี 2534 ปรากฏว่าปี 2535 รสช.สืบทอดอำนาจจริงๆ กระทั่งเกิดการชุมนุมต่อต้าน ลุกลามเป็นเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก

ขณะที่ความพยายามไม่ให้มีเลือกตั้งในปี 2557 แม้จะยังไม่มีเหตุการณ์ปะทะหรือความรุนแรงขนาดใหญ่ แต่ไฟแห่งความเกลียดชังที่โหมเข้าใส่กัน กำลังนำไปสู่ความรุนแรงในลักษณะที่ยากจะหลีกเลี่ยง

เมื่อปี 2534 เป็นการปะทะกันระหว่าง "ประชาชน" กับ "ทหาร" ซึ่งฝ่ายทหารอ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่ได้มีความขัดแย้งเกลียดชังฝังใจกับฝ่ายประชาชน และเมื่อทหารหมดหน้าที่ ผู้นำทางทหารยอมถอย กำลังพลกลับบ้านไปถอดเครื่องแบบก็กลายเป็นประชาชนเหมือนกัน

แต่สถานการณ์ ณ วันนี้ หากเกิดการปะทะกัน จะกลายเป็น "ประชาชน" กับ "ประชาชน" ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง คลั่งแค้น และถูกปลุกระดมจากแกนนำทางความคิดทั้งสองฝ่ายอย่างสุดขั้ว ประกอบกับวิวัฒนาการของสื่อสังคมออนไลน์ ที่ทำให้การสร้างกระแสในบางเรื่องบางราวทำได้ง่ายดาย กล่าวหากันง่าย สร้างหลักฐานเท็จก็ไม่ยาก

น่าเศร้าที่ขบวนการปลุกระดมและใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง ส่วนหนึ่งเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เป็นนักวิชาการชื่อดัง และเป็นผู้นำทางความคิดของสังคม

จึงเชื่อได้ว่าผลของความรุนแรง ณ ปี 2557 หากเกิดขึ้น ย่อมไม่จบง่ายเหมือนปี 2534 แน่ ส่วนสถานการณ์จะถูกลากไปจบที่ตรงไหนยังไม่มีใครคาดเดาได้

สุดท้ายคนที่รับกรรมเห็นจะหนีไม่พ้นประชาชนคนไทยทั่วไป บ้างก็ต้องตาย บ้างก็ต้องบาดเจ็บ พิการ ถ้าวิกฤติเที่ยวนี้ทอดยาวออกไปอีก ผู้คนก็ต้องตกงาน เศรษฐกิจก็ยิ่งทรุดหนัก

คงต้องกลับไปฟังเพลง "วิชาแพะ" เพื่อปลงชะตาชีวิตกันล่วงหน้าเสียแล้ว!