ทำไมเด็กไทยพูดอังกฤษไม่ได้เสียที?

เป็นรื่องที่น่าแปลกมากอย่างหนึ่งที่ทำไม คนไทย ถึงมีระดับความสามารถในการให้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ ต่ำที่สุด
ผมอ้างอิงมาจาก English Proficiency Index (EPI) ของ สถาบัน English First (EF) ที่ให้ประเทศเป็นประเทศที่คนมีความรู้ความสามารถด้านภาษาอังกฤษอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด เพื่อนร่วมระดับก็มี คูเวต ชิลี อีรัก แต่ถ้าถามว่าแล้ว เวียดนามอยู่ระดับไหน เขาอยู่ระดับปานกลางครับ มากกว่าเรา 2 อันดับ กลับมาที่คำถามว่า ทำไม ? ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษมากว่า 14 ปี สอนมา 10 กว่ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ผมจึงอยากวิเคราะห์ในมุมมองของผมดังนี้ครับ
ประการแรกเลยคือ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่สมัยก่อนคือสมัยที่ผมเรียน ราวๆ ยุค พ.ศ. 2525 จนถึงสมัยนี้ การเรียนภาษาอังกฤษจะมุ่งเน้นไปที่ไวยากรณ์อย่างจริงจังมาก เรียกว่า อังกฤษหลัก คือ ไวยากรณ์ อังกฤษเสริม คือ ฟัง พูด และนักเรียนส่วนใหญ่ก็จะเน้นอังกฤษหลักเป็นสำคัญ นักเรียนก็ต้องนั่งท่องกฎไวยากรณ์กันไป เมื่อปีที่แล้วนี่เองครับ ที่ผมได้มีโอกาสไปจัดค่ายภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งขออนุญาตไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามของโรงเรียนน่ะครับ ผมเดินเข้าไป มีป้ายแขวนอยู่ตามทางเดินเขียนว่า “12 กฎทองในการพูดภาษาอังกฤษ” ซึ่งตัวอย่างของ 12 กฎทองนั้น ได้แก่ “have/has+v3 ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตส่งผลเรื่อยมาถึงปัจจุบัน” กฎนี่เด็กท่องได้หมดเลยครับ แม่นมาก แต่พอสอบเด็กตกกันระนาว เพราะ 1. นักเรียนไม่รู้ว่า verb 3 (กริยาช่องที่ 3) คืออะไร 2. เด็กวิเคราะห์ไม่ออกว่า อะไรคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตส่งผลเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ดังนั้น จะเห็นว่า การเรียนแบบท่องกฎ ท่องหลัก ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ในหลายๆ โรงเรียน
ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า ผมถามเคยฝรั่งบางคนว่า ทำไมยูต้องใช้ Present Perfect ทำไมยูต้องใช้ Past Simple เขาต้องนั่งคิดกันสักพักเลยครับ ถึงจะตอบมาได้ แถมบางคนยังตอบไม่ได้ด้วย ผมเคยสอน International College อยู่ที่ ม.รังสิต มีนักเรียนฝรั่งคนหนึ่ง ผมจำได้เลย เป็นฝรั่งที่พูดภาษาอังกฤษคล่อง แน่นอนครับ เพราะเขาเป็นอเมริกันแท้ๆ เชื่อไหมครับว่า ผมต้องนั่งตรวจไวยากรณ์ให้เขาตอนเขาสอบ ไวยากรณ์เขามั่วมากครับ แต่เขาพูดได้ คิดไปคิดมาก็คงไม่ต่างอะไรกับที่เด็กไทยเขียนภาษาไทยไม่รู้เรื่องใช่ไหมครับ
คำถามต่อไปก็คงมีอยู่ว่า แล้วเรียนไวยากรณ์เป็นหลักไม่ดีตรงไหน คำตอบง่ายๆ ก็คือ มันผิดธรรมชาติของมนุษย์ครับ ผมมักจะถามนักเรียนของผมอยู่เสมอว่า ใครมีน้อง หรือหลานที่เริ่มหัดพูดไหม ... ถ้ามี เคยเห็นเด็กคนไหน ไม่ยอมพูดเพราะยังไม่เรียนไวยากรณ์ไหม เอาง่ายๆ ครับ คุณลองไปถามเด็ก ป.2 ที่พูดแจ้วๆ อย่างนู้นอย่างนี้ ว่า “หนูขา คำคุณศัพท์คืออะไรคะ” หรือไปถามว่า “ลูก มุขยประโยค กับ สังกรประโยค มันต่างกันอย่างไรครับลูก” เด็กเขาตอบไม่ได้หรอกครับ เพราะการที่เขาพูดเกิดจากการเลียนแบบ จดจำและสังเกต การกระทำกับสัญญะ เช่น พอพ่อแม่พูดว่า ลุก พ่อแม่จะยืนขึ้นมา พอพูดว่า ลุก ก็จะยืนขึ้น จนเขารู้แล้วว่า ลุก คือกริยาแบบนี้นี่เอง จะเห็นว่า เด็กจะไม่วิ่งไปเปิดพจนานุกรม ดูความหมายว่า ลุก คือ คำชนิดใด มีความหมายว่าอย่างไร
จริงๆ ผู้อ่านที่เป็นผู้ใหญ่แล้วหลายๆ ท่านตอนนี้ยังคงใช้วิธีนี้ในการเรียนรู้การใช้ภาษาอยู่เลยครับ เช่น คำว่า จุงเบย มีใครเคยไปศึกษาเปิดพจนานุกรมไหมครับว่าแปลว่าอะไร คงไม่มี แต่หลายๆ ท่านใช้ เพราะเห็นเขาใช้กัน และสังเกตว่า มันก็คือ จังเลย นี่เอง นี่แหละครับการเรียนภาษาที่ได้ผล เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายๆ ท่านคงจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่า การให้เด็กที่ยังพูดอังกฤษไม่ได้ มานั่งท่องกฎหรือเรียนไวยากรณ์ เปิด Dictionary ท่องศัพท์ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เมื่อเทียบกับการสังเกต จดจำและนำมาใช้ แถมวิธีเรียนไวยากรณ์เป็นหลักนี้ กลับมีผลเสียอีกด้วย
เด็กไทยหลายๆ คน พอเห็นฝรั่งเดินมาเวลาฝึกงาน จะพยายามหลบๆ เลี่ยงๆ ทำวุ่นๆ มึนๆ เดินหนี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าก็จะพูดตะกุกตะกักเป็นประจำ นี่แหละคือผลจากการเรียนไวยากรณ์เป็นหลัก เพราะพอเด็กจะพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง เด็กก็จะคิดแล้วคิดอีก เวลาคิดก็จะคิดก็จะคิดถึงแต่กฎต่างๆ ที่อาจารย์เคยสอนไว้ ซึ่งมีอยู่ประมาณพันเจ็ดร้อยสิบสี่กฎ แล้วใครจะนึกออก แล้วใครจะรอฟัง ฝรั่งเขาก็เดินหนีแล้ว
แต่ผมต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่ไม่ใช่ว่า การเรียนไวยากรณ์ไม่ดีนะครับ ผมเพียงแค่นึกเล่นๆ ว่า ถ้าเราเอาไวยากรณ์เป็นตัวเสริม แต่เอาการฟังพูดเป็นตัวตั้ง หรือตัวหลักเด็กไทยจะพูดได้คล่องกว่านี้ไหม หรือสื่อสารได้ดีกว่านี้ไหม ซึ่งผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่า ต้องคล่องและเก่งกว่านี้ ผมยอมรับครับว่า การเรียนไวยากรณ์เป็นสิ่งจำเป็นครับ สำหรับชาวต่างชาติ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ นั่นคือเวลาที่ผู้เรียนต้องพูดได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพราะไวยากรณ์จะช่วยให้พูดได้ถูกต้องขึ้น สละสลวยขึ้น และเขียนได้ดียิ่งขึ้น
นี่เป็นเพียงประการเดียวเท่านั้นนะครับ ว่าทำไมเด็กไทยจึงสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษไม่ได้เสียที ในมุมมองของอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษมาสิบกว่าปี ยังคงมีอีกหลายประการครับและยังมีวิธีที่ทำให้เรียนภาษาอังกฤษได้ดีอีกด้วย เรื่องแบบนี้เขียนกันได้ยาวครับ ถ้ามีโอกาสผมจะนำเรื่องของการเรียนภาษาอังกฤษมาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันอีกนะครับ แต่ใครอย่างปรึกษาด้านภาษาอังกฤษก็ยินดีนะครับ [email protected] ถึงเวลาที่จะเตรียมพร้อมสู่ AEC กันอย่างจริงจังแล้วครับ







