"ถอดรหัส"บ่อขยะแพรกษา "เผาจริง"หรือหลอกเผา?

9 วันหลังไฟไหม้บ่อขยะ 150 ไร่ ซอยแพรกษา 8 นิคมอุตสาหกรรมบางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ซึ่งถือเป็นเหตุไฟไหม้ครั้งรุนแรงที่สุด เพราะผลกระทบจากควันไฟ กินพื้นที่กว้างไกลถึง 6 เขตของกรุงเทพมหานคร เช่น ลาดกระบัง บางนา ประเวศ คลองสามวา เป็นต้น
โดยมีชุมชนในรัศมี 1.5-2 กิโลเมตรใกล้จุดเกิดเหตุกว่า 1,000 รายต้องอพยพจากบ้านพักออกจากบ้าน และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพ จากสารมลพิษที่ต้องเฝ้าระวังในระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 1,200 รายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว
นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นหลัง "ควันไฟจาง" และเปิดให้สังคมทั้งประเทศรับรู้ถึงอันตรายจากบ่อขยะเถื่อนแห่งนี้ และสังคมยังรอคอยคำตอบว่าเหตุไฟไหม้บ่อขยะเป็นแค่อุบัติเหตุจากก๊าซมีเทนที่มีคนออกมาพูดถึงความเป็นไปได้ หรือการเผาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่ "อาจจม"อยู่ใต้บ่อขยะความลึก 30 เมตรแห่งนี้
ข้อมูลที่ถูกนำมาเปิดเผยในวงเสวนาที่จัดโดย กลุ่มกรีนพีชเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับมูลนิธิบูรณะนิเวศ มีการรวบรวมที่น่าสนใจว่า "ในช่วงปี 2555-2556 บ่อขยะแห่งนี้ถูกร้องเรียนทั้งปัญหากลิ่นเหม็น การลักลอบทิ้งขยะหากอุตสาหกรรม กากสารเคมี ถึง 8 ครั้ง"
โดยร้องเรียนผ่านไปยังอบต.แพรกษา ที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ รวมทั้งสื่อ หน่วยงานระดับจังหวัดจนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จนกระทั่งในเดือนเม.ย.2556 อบต.แพรกษา มีการสั่งห้ามใช้สถานที่ดังกล่าว ทว่าในเดือนเดียวกันกลับมีผู้ประกอบการรายใหม่ ยื่นหนังสือต่ออบต.แพรกษา เพื่อขออนุญาตประกอบกิจการนี้อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันอนุญาต เนื่องจากยังมีชาวบ้านร้องเรียนปัญหาต่อเนื่อง จนที่สุดในเดือนม.ค.57 อบต.แพรกษา มีคำสั่งให้หยุดใช้พื้นที่ จนกระทั่งเกิดไฟไหม้ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ ซึ่งต้องใช้เวลาดับเพลิงและยุติควันไฟพิษยาวนานถึง 1 สัปดาห์เต็ม
"เราไม่แปลกใจว่าทำไมบ่อขยะที่ลักลอบนำขยะชุมชน และขยะอันตรายมาปะปนทิ้งกันในหลายพื้นที่ถูกร้องเรียนมาแล้ว รวมทั้งบ่อขยะแพรกษาแห่งนี้ กลับไม่สามารถปิดบ่อ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนได้ทันที เรื่องผลประโยชน์ของธุรกิจรับทิ้งกำจัดของเสีย และธุรกิจขยะมีมาเฟียท้องถิ่นคุม เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น ดังนั้นอยากให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที" แหล่งข่าว ระบุ
สอดคล้องกับข้อกังวลของ ดาวัลย์ จันทรหัสดี จากมูลนิธิบูรณะนิเวศ เสนอให้เปิดโปงและหาหลักฐานจากบ่อขยะที่ถูกเผาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หลักฐานจะถูกทำลาย โดยต้องการให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา ลงพื้นที่เก็บข้อมูลในบ่อขยะแพรกษาอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยต้องมีแผนกำหนดจุดลงเก็บครอบคลุมพื้นที่บ่อขยะทั้ง 150 ไร่ครอบคลุมทุกอย่างที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งน้ำใต้ดิน น้ำชะขยะ ตัวกากและเนื้อขยะ สารมลพิษต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่สารวีโอซี แต่ยังมีสารชนิดอื่นๆ ที่สามารถเก็บหลักฐานจากบ่อขยะแห่งนี้ที่ลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมมาทิ้งเป็นเวลานาน โดยเสนอว่าต้องทำแบบให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการปกปิดหลักฐานจากบ่อขยะแห่งนี้
ผู้เขียนคิดว่าเรื่องนี้คนในสังคมกำลังจับตาผลการสอบสวนของดีเอสไอ และหน่วยงานที่ลงพื้นที่หลายองค์กรอย่างใจจดใจจ่อ
เพราะเหตุการณ์นี้"ไฟไหม้บ่อขยะแพรกษา ถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่า เป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือจงใจเผาเพื่อ"ทำลายหลักฐาน" บางอย่างที่ซุกใต้กองขยะ...




