5M

5M

ในการทำนวัตกรรม รายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ ทุกองค์ประกอบล้วนแล้วแต่สามารถส่งผลได้เสียต่อการสร้างผลงาน

ในทฤษฎีว่าด้วยการบริหารจัดการทั่วไป เราคงคุ้นเคยกับคำว่า 3M ประกอบด้วย Man Money Material บางเจ้าก็จะมีตัว M มากกว่านี้เพิ่มขึ้นไปอีก ถามว่า ในแง่มุมของนวัตกรรม เอามาปรับใช้ได้ไหม ได้ครับ และถ้าจะเอาเฉพาะตัว M อย่างเดียวเพื่อให้จำง่ายน่าจะมีสัก 5 ตัวครับ

ตัวแรกแน่นอนครับ เป็นตัว Man หรือบุคลากร ซึ่งการจะทำนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริง หนีไม่พ้นเรื่องของคน เพราะความคิดนั้นมาจากคน ในมุมของนวัตกรรมบุคลากรควรจะมี 6 มุมเริ่มตั้งแต่ ภาวะผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ ความชำนาญเฉพาะ องค์ความรู้ ความสัมพันธ์ และความเชื่อมโยง ที่เขียนมายืดยาวนี่ ในแต่ละตัวมันมีรายละเอียดที่ลึกซึ้งมากครับ สองสามตัวแรกผู้อ่านน่าจะพอทำความเข้าใจได้ไม่ยากแต่อีกสองสามตัวหลังนี้ อาจจะงงได้นิดหน่อย

การมีองค์ความรู้นั้น ไม่ใช่แปลว่า มีคนเก่งเท่านั้น เพราะเรื่องของความรู้นั้น แท้จริงเรามีเรื่องที่ยังไม่รู้มากกว่าเรื่องที่เรารู้มากมายหลายเท่า และสิ่งที่องค์กรรู้มักจะมีน้อยกว่า สิ่งที่ภายนอกองค์กรมี นั่นแปลว่า ความรู้จริงๆ นั้น อยู่นอกองค์กรเสียส่วนใหญ่

ดังนั้น เลยจำเป็นต้องอาศัยอีกสองตัวที่เหลือครับคือ ความสัมพันธ์ และการเชื่อมโยง ลำพังรู้จักมักจี่กันก็พอจะช่วยกันได้ เรามักเรียกว่า คอนเน็คชั่น แต่การเชื่อมโยงไปหลายๆ เปลาะหลายๆ ชั้น จะทำให้เรามีเครือข่ายที่แน่นหนามั่นคง คือ ทำเรื่องอื่นก็หาคนช่วยได้ไม่ยาก เปลี่ยนเรื่องไปวงเราก็ขยายตามไป บุคลากรที่เหมาะกับการทำนวัตกรรมจึงต้องมีคุณสมบัติในเรื่องพวกนี้ด้วยครับ

ตัว M ตัวต่อมาคือ Management ครับ การจัดการนี่เป็นคอขวดของการทำนวัตกรรม ต่อให้มีคนเก่งคนดีอยู่ในองค์กรมากแค่ไหน แต่ถ้าการจัดการห่วย รับรองว่าไปไม่รอดแน่ ในมุมของการจัดการนั้นประกอบด้วยเงื่อนไขคือ กลยุทธ์ แผนธุรกิจ การเงิน การตลาด ห่วงโซ่การผลิต และการจัดการทรัพยากรมนุษย์

สี่ตัวแรกเชื่อมโยงถึงกัน หากฝ่ายจัดการไม่มีกลยุทธ์เสียแล้ว ตัวอื่นๆ ดูเหมือนจะล้มไปโดยปริยาย ดังนั้น เริ่มที่การมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ชัดเจนก่อน จากนั้นมีแผนธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยมุมของการวางแผนทางการเงิน การวางแผนการตลาด จากนั้นพอถึงขั้นตอนของการปฏิบัติคือ การดูแลเรื่องห่วงโซ่การผลิต หรือดูซัพพลายเชนนั่นเอง เมื่อการจัดการสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับคนหมดแล้ว ก็มาถึงเรื่องของคนที่เป็นหัวข้อสุดท้ายคือ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ต้องมีการให้รางวัล การสร้างแรงจูงใจที่มีน้ำหนัก ดึงดูดให้พนักงานร่วมหัวจมท้ายกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ อันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากไปไม่น้อยกว่าตัวของนวัตกรรมเองด้วยซ้ำ

M ตัวที่สามคือ Mind หรือ จิตใจ ถามว่าเกี่ยวอะไรด้วย ต้องบอกว่า นวัตกรรมมันเริ่มที่ความคิด การลงมือที่จะคิด มันเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ บางคนทำหน้างานมาสามสิบปี การจะไปบอกให้เขาสร้างนวัตกรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนพูด ครั้นจะไปเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจกันมากเกินไป ดังนั้น องค์กรจึงต้องค่อยๆ สร้างขวัญกำลังใจให้แก่พนักงาน เริ่มจากการสร้างวัฒนธรรมที่เอื้ออำนวยต่อการคิด การแบ่งปันความคิด การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ เมื่อมีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมการทำงานที่เอื้อแล้ว ทัศนคติของพนักงานจะค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่สนับสนุนการทำนวัตกรรมมากขึ้น

ความยั่งยืนของการทำงานจะขึ้นอยู่กับว่า องค์กรสามารถรักษาระดับของ “ใจ” ที่อยากมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้มากน้อยขนาดไหน แน่นอนว่า ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจในหัวข้อการจัดการทรัพยากรมนุษย์ด้วย เข้าตามทำนอง เงินมีก็คิดได้ครับ

ตัว M ต่อมาคือ Material อันนี้ไม่ควรแปลว่า วัตถุดิบครับ ควรจะขยายความหมายให้กว้างเป็นทรัพยากร หรือเครื่องไม้เครื่องมือ ซึ่งมีด้วยกันหลายตัว ตั้งแต่เรื่องของระบบ การควบคุม จนถึงเรื่องขององค์ประกอบ นวัตกรรมจะมีได้ก็ต้องมีทรัพยากรสนับสนุนด้วยครับ เงินนั้นสำคัญ และระบบหรือองค์ประกอบภายใน ภายนอกก็สำคัญเช่นเดียวกัน คนทำงานจะสามารถสร้างงานได้คล่องแคล่วจะต้องมีเครื่องมือเข้ามาช่วยเหลือเพียงพอ การขับเคลื่อนจึงจะเกิด

ตัวสุดท้ายคือ Methodology หรือวิธีการครับ อันนี้เป็นเชิงเทคนิคแล้วละว่า องค์กรจะเลือกใช้รูปแบบไหนในการทำงาน ซึ่งก็มีหลากหลายมากมายให้เลือกใช้ได้ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่าง การเพิ่มผลผลิต อันนี้จะไปผูกกับเรื่องของการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง หรือการปรับปรุงทีละเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง เป็นการค่อยๆ เปลี่ยน ทำให้นวัตกรรมเป็นไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ ไปทีละขั้นทีละตอน บางองค์กรอาจเลือกใช้วิธีการพัฒนานวัตกรรมด้วยรูปแบบ NPD (New Product Development) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก โดยต้องมีกระบวนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เป็นตัวตั้ง เริ่มจากจำนวนไอเดียเยอะๆ แล้วค่อยๆ คัดกรองไปจนเหลือเพียงหนึ่งหรือสองไอเดียที่จะได้รับการพัฒนาต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมในชั้นสุดท้าย

การนำเอาทั้ง 5M ไปใช้งานนี้ไม่มีข้อจำกัดครับ บางท่านอาจอยากจะใส่ M เพิ่มไปอีกตัวสองตัวก็สุดแล้วแต่ ผมเพียงแต่ยกมาห้าตัวเพราะเห็นว่าเป็นพื้นฐานทั่วไปที่น่าจะคำนึงถึง และไม่ต้องการที่จะชี้แนะแบบฟันธงว่า ตัวไหนสำคัญกว่าตัวไหน เพราะในการทำนวัตกรรม รายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ ทุกองค์ประกอบล้วนแล้วแต่สามารถส่งผลได้เสียต่อการสร้างผลงานได้ทั้งนั้น

บางทีองค์กรก็น่าจะสามารถเลือกพิจารณาทำทีละตัวก็ได้ครับ เช่นระยะนี้สภาวะทางเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน เราอาจเลือกมุ่งเน้นที่การเตรียมบุคลากรโดยเอาใจใส่กับ M สองสามตัวคือ Man, Mind และ Material นั่นคือ เราสร้างบรรยากาศที่ดีเตรียมไว้ได้ เพื่อให้บุคลากรมีความพร้อมทางทัศนคติ โดยมีเครื่องมือที่เราคิดว่าน่าจะนำมาใช้งานได้หรือน่าจะเหมาะสมกับองค์กรของเรา เมื่อเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า พอถึงเวลาที่จะลงมือทำนวัตกรรมจริง ก็จะมีความพร้อมมากกว่าคนอื่น

อันที่จริง ผมอยากจะบอกว่า ในห้าตัวนี้ ท่านทำตัวไหน มันก็สามารถเรียกว่าเป็นการทำนวัตกรรมได้เหมือนกัน เพียงแต่เป็นในสเกลของการเตรียมตัว เตรียมการ เตรียมความพร้อม ยังไม่ใช่เรื่องของการสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการใหม่ในตัวของมันเอง

จะพูดให้สั้นที่สุดก็คือ 5M นี้เป็นกรอบแนวคิดสำหรับการทำนวัตกรรมแบบดูเป็นองค์ประกอบห้าส่วน ทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกันทางใดทางหนึ่ง แต่จะแยกออกจากกันหรือจับคู่กันหรือทำพร้อมกันก็ได้ทั้งนั้น หากท่านเข้าใจประเด็นนี้ เวลาลงมือสร้างแคมเปญนวัตกรรมในองค์กรจะไม่สับสน

และสามารถสร้างกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนครับ