สิทธิหย่อนบัตรเปล่า (blank vote) อยู่ไหน

สิทธิหย่อนบัตรเปล่า (blank vote) อยู่ไหน

นอกจากการกาเครื่องหมายเลือกผู้สมัครคนใด หรือ กาลงที่ช่องไม่ลงคะแนน (no vote) พลเมืองไทยควรจะได้มีทางเลือก “ออพชั่น” มากขึ้น

ในการออกเสียงเลือกตั้ง คือ ให้สามารถหย่อนบัตรเปล่าที่ไม่ได้ทำเครื่องหมายใด หรือกาช่องใดๆ เลยบนบัตรเลือกตั้ง (blank vote) ลงในหีบคะแนนเลือกตั้ง โดยไม่เป็น บัตรเสีย แต่ให้มีความหมายทางการเมือง

ที่เป็นอยู่ขณะนี้ บัตรเปล่านับเป็นบัตรเสีย แบบเดียวกับบัตรเสียประเภทอื่นๆ เช่น บัตรปลอม บัตรที่มีการขีดเขียนอื่นๆ ตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 หมวด 8 “มาตรา 73 บัตรเลือกตั้งดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย คือ

(1) บัตรปลอม

(2) บัตรที่คำเครื่องหมายเลือกตั้ง เกินจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะพึงมีได้ในเขตเลือกตั้งนั้น

(3) บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายเลย

(4) บัตรที่ปรากฏว่าได้พับซ้อนกันมากกว่าหนึ่งบัตร

(5) บัตรที่มีเครื่องสังเกต หรือข้อความอื่นใด นอกจากที่กำหนดไว้ใน กฎกระทรวง

(6) บัตรที่ไม่ทราบได้ว่าลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคการเมืองคนใด เว้นแต่เป็นบัตรเลือกตั้งตามวรรคสี่

บัตรดังกล่าวให้กรรมการตรวจคะแนนสลักหลังว่า “เสีย” และให้กรรมการตรวจคะแนนสลักหลังว่า "เสีย" และให้ กรรมการตรวจคะแนนไม่น้อยกว่าสามคนลงลายมือชื่อกำกับไว้

ในการนับคะแนนหากปรากฏว่ามีบัตรเสียให้แยกบัตรเสียออกไว้เป็นส่วน หนึ่ง และห้ามมิให้นับบัตรเสียเป็นคะแนนไม่ว่ากรณีใด …”

ที่จริง บัตรเปล่าไม่สมควรถูก “เหมาเข่ง” เป็นเหมือนบัตรเสีย เพราะนำมาใช้ประโยชน์ส่งความหมายอื่นได้ตามแต่ที่เราจะกำหนด ดังเช่นการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของอังกฤษ เมื่อ ปี 2008 ได้รณรงค์ให้ บัตรเปล่า มีผลทางการเมือง เพื่อยืนยันว่าแม้จะไม่เลือกใคร เสียงเลือกตั้งของประชาชนก็ยังเป็น “เสียงสวรรค์” อยู่ดี เพราะผู้ใช้สิทธิลงบัตรเปล่านี้ต่างจากผู้ไม่มาออกเสียงเลือกตั้ง

การมาลงบัตรเปล่า แสดงว่า เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ทำหน้าที่พลเมืองใช้สิทธิ ไม่ได้นอนหลับทับสิทธิ์ (apathetic) เพียงแต่ไม่ถูกใจพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่เสนอตัวมาให้เลือก มีนัยว่าไม่พอใจสภาพการเมืองที่เป็นอยู่ และประสงค์ให้มีการเมืองที่ดีขึ้น (better politics)

บัตรเลือกตั้งที่เป็นบัตรเปล่า จึงสามารถสื่อความรู้สึกความต้องการของพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้หลากหลายขึ้น มากกว่าเพียงแค่ทำเครื่องหมายว่าเลือกใคร หรือไม่ลงคะแนน

การมีสิทธิการหย่อนบัตรเปล่าแสดงว่า สิทธิเสรีภาพของพลเมือง อันเป็นบาทฐานของทุกสิทธิในระบอบประชาธิปไตยรวมทั้งสิทธิเลือกตั้ง ได้รับการคุ้มครอง เสียงเลือกตั้งจะเป็น “เสียงสวรรค์” ได้ ก็ต่อเมื่อพลเมืองได้ใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างเสรี ไม่ถูกบังคับ ข่มขืนใจ มัดมือชกถือเอาโดยปริยาย เพราะทุกวันนี้ ถ้าไม่ไปเลือกตั้ง ก็ถูกเหมาเข่งว่าเป็นพวกเดียวกับพวกนอนหลับทับสิทธิ์ ถือว่าไม่ทำหน้าที่ รับผลทางนิตินัย เช่น ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ฯ

นอกจากนี้ สิทธิลงบัตรเปล่ายังใช้เป็นเครื่องมือตรวจชีพจร “สุขภาพทั่วไป” ของการเลือกตั้งได้ เพราะสามารถแยกได้ว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนเท่าไรที่ไม่มาเพราะไม่พอใจสภาพการเมืองและอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะนักเลือกตั้ง เกิดสำนึกเอาใจใส่ตรวจสภาพความรู้สึกนึกคิดของประชาชนตลอดเวลา ไม่ใช่เห็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นเหมือนหมูในอวย หรือลูกไก่ในกำมือ ที่ยังไงๆ ถึงเวลาก็ต้องเดินเชื่องๆ เข้าแถวไปออกเสียงเลือกตั้ง จำนวนน้อยมากไม่สำคัญ ใครจะมาเลือกตั้งหรือไม่มา เพราะเหตุใด ก็ช่างปะไร เพราะไม่ว่าจะอย่างไร กติกาให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดไม่ว่าจะได้กี่เสียง ถึงครึ่งหรือไม่ถึงครึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง ก็ได้เป็นผู้แทนไปอย่าง "ชอบธรรม" ในเขตที่มีผู้สมัครหลายคน (การจ้างให้มีผู้สมัครหลายคนในเขตเลือกตั้งจึงได้เคยเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้)

บัตรเปล่า ที่ระบุถึงผลทางการเมืองด้วย อาจนำมาเป็น “อ๊อพชั่น” ทางเลือกได้ในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ที่มีข้อขัดแย้งว่ารัฐบาลรักษาการมีความชอบธรรมหรือไม่ที่จะจัดการเลือกตั้ง เช่น หากมีบัตรเปล่า จำนวนเท่านั้นเท่านี้กี่เปอร์เซ็นต์ของผู้มาออกเสียงเลือกตั้ง ให้ถือว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องเริ่มต้นเลือกตั้งครั้งที่ 1 กันใหม่ หรือถ้าจะให้มีความหมายเฉพาะกิจก็ย่อมได้ คือ ถือว่า บัตรเปล่า หมายถึง ไม่ยอมรับการเลือกตั้งเพราะไม่มีความชอบธรรม (เพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง) บัตรเปล่าจะทำให้เรารู้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งความคิดอ่านเช่นนี้มีสักเท่าใด

ผู้หย่อนบัตรเปล่า (blank vote) เช่นนี้ ย่อมต่างจาก ผู้ไม่ลงคะแนน (no vote) ที่กฎหมายเรามีระบุไว้แล้วว่ามิได้ถือเป็นบัตรเสีย มีนัยว่ายอมรับการเลือกตั้ง และมีผลทางนิตินัยเมื่อเขตเลือกตั้งมีผู้สมัครคนเดียว

“มาตรา 73 ทวิ บัตรเลือกตั้งที่มีการทำเครื่องหมายลงในช่อง “ไม่ลงคะแนน” ตามมาตรา 61 ไม่ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย เว้นแต่ถ้ามีการทำเครื่องหมายลงคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดไว้ด้วย ให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย ในการนับคะแนน หากปรากฏว่ามีบัตรที่มีการทำเครื่องหมายลงในช่อง “ไม่ลงคะแนน” และมิใช่เป็นบัตรเสียตามวรรคหนึ่ง ให้แยกบัตรดังกล่าวออกไว้เป็นส่วนหนึ่ง ต่างหากจากบัตรเสีย และห้ามมิให้นับบัตรนั้นเป็นคะแนนของผู้สมัคร และให้ประกาศจำนวนบัตรดังกล่าวไว้ที่หน่วยลงคะแนนด้วย”

“มาตรา 88 ในเขตเลือกตั้งใด ถ้าในวันเลือกตั้งมีผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งคนเดียว ผู้สมัครจะได้รับเลือกตั้งต่อเมื่อได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง...”

ทำไมจึงต้องบีบให้ผู้ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งและอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้นต้องมีทางออกที่ไม่สร้างสรรค์ เลยแม้แต่น้อย กล่าวคือ ไม่มาเลือกตั้งหรือฉีกบัตรเพียงเท่านั้น