เสิร์ชเอ็นจินกับโซเชียลมีเดียอะไรดีกว่ากัน

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Social Media หรือสื่อสังคมออนไลน์เป็นกระแสที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก ตั้งแต่จำนวนมหาศาลของผู้ใช้บริการ Facebook
การเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเต็มที่ของ Google และ Twitter ซึ่งเพิ่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ หลายคนอาจคิดว่าไม่ใช่เพียงแค่กระแสอีกต่อไป มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตออนไลน์ไปแล้ว
ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นเม็ดเงินการตลาดออนไลน์จำนวนมากที่ลงไปสู่สื่อสังคมออนไลน์ ที่มี Facebook เป็นพระเอก จนเบียดสื่อออนไลน์อื่นๆ ไป รวมไปถึงค่าใช้จ่ายการตลาดออนไลน์ก้อนใหญ่ที่สุด นั่นก็คือ เสิร์ช เอ็นจิน(Search Engine)ที่มี Google เป็นพระเอก จนนักการตลาดอาจลืมการตลาดเสิร์ชเอ็นจินไปเลยก็มี เหตุผลหลักที่นักการตลาดไม่ให้ความสำคัญกับเสิร์ชเอ็นจินที่ผ่านมา เป็นเพราะมันยุ่งยากและเข้าใจได้ยากกว่าสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเทคนิคในการจัดอันดับเว็บไซต์ของตนเองอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหา
สุดท้ายแล้ว การตลาดสังคมออนไลน์จะแทนที่การตลาดเสิร์ชเอ็นจินได้หรือไม่
รายงานล่าสุดของ Forrester Research พบว่าสื่อสังคมออนไลน์มีส่วนในการสร้างรายได้อีคอมเมิร์ซในสหรัฐน้อยกว่า 1% สอดคล้องกับรายงานของอีกสำนักหนึ่ง Monetate ที่ระบุว่าสื่อสังคมมออนไลน์สามารถสร้างผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มาซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซได้เพียง 1.55% ในขณะที่เสิร์ชเอ็นจินสามารถสร้างธุรกรรมซื้อขายได้ถึง 31.43% ตามมาด้วยการตลาดอีเมล์ 2.82% ซึ่งสูงกว่าสื่อสังคมออนไลน์ด้วยซ้ำ
ในรายงานเดียวกันนี้ยังระบุว่า นักการตลาดได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์จากที่เน้นสื่อสังคมออนไลน์กลับมาให้ความสำคัญกับเสิร์ชเอ็นจินมากขึ้น เพราะว่าผิดหวังในการผลลัพธ์การตลาดสื่อสังคมออนไลน์
หากพิจารณากันจริงๆ อาจไม่ใช่ความผิดของสื่อสังคมออนไลน์เอง เพียงแต่นักการตลาดจะต้องเข้าใจสังคมในสังคมออนไลน์อย่างแท้จริง หลายแคมเปญหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์? โดยเฉพาะเฟซบุ๊ค ที่เน้นการเพิ่มจำนวนผู้ชื่นชอบด้วยการใช้ของรางวัลมากระตุ้น ในที่สุดก็จะไม่ได้ผู้ชื่นชอบที่สนใจในแบรนด์อย่างแท้จริงหรืออยู่กลุ่มเป้าหมายของคุณ ทำให้ไม่เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในอนาคต ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการแปลงลูกค้ามุ่งหวังเป็นลูกค้าต่อไป
หลายบริษัทใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อวัดความอารมณ์หรือความคิดของผู้บริโภคในโลกออนไลน์ จากนั้นก็จะสื่อสารกับพวกเขาอย่างตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพ ช่วยเปลี่ยนวิกฤตจากคำติมาเป็นโอกาส และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งของการใช้เสิร์ชเอ็นจินที่พบเห็นกันบ่อยๆ คือการมุ่งเน้นซื้อสื่อโฆษณา Pay per click (PPC) เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Search Engine Optimization (SEO) เหตุผลง่ายๆ คือการซื้อสื่อโฆษณา PPC ทำได้ง่ายกว่า ส่วน SEO นั้นทำยาก หากใช้การตลาดเสิร์ชเอ็นจินอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ จะพบว่าสัดส่วนของผู้เข้าชมที่มาจาก SEO จะสูงกว่า PPC หลายเท่าตัว ที่สำคัญคือ SEO สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าการใช้ PPC ด้วยซ้ำ
เสิร์ชเอ็นจินและสื่อสังคมออนไลน์ยังคงเป็นสื่อออนไลน์หลักและมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นักการตลาดจะต้องเข้าใจและเลือกที่จะนำมาใช้ให้ถูกต้อง ทั้งสองสื่อไม่สามารถที่จะทดแทนกันได้ จึงต้องทำความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อเสิร์ชเอ็นจินและสังคมออนไลน์ ว่าพวกเขาจะค้นหาสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างไร จากเสิร์ชเอ็นจินและสังคมออนไลน์ จากนั้นก็กำหนดช่องทางการสื่อสารของทั้งสองสื่อที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผสมประสานระหว่างเสิร์ชเอ็นจินและสื่อสังคมออนไลน์ก็มีความสำคัญไม่น้อย ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อสินค้าจากเพียงสื่อเดียว พวกเขาอาจได้รับการแนะนำจากเพื่อนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นค้นหาข้อมูลผ่านเสิร์ชเอ็นจิน และอาจจะกลับไปสนทนากับเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อสินค้าก็ได้
เราคงไม่ต้องหาคำตอบว่าอะไรดีกว่ากัน ระหว่างเสิร์ชเอ็นจินกับสื่อสังคมออนไลน์ เพียงแค่นำมันไปใช้อย่างถูกต้องและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงก็เพียงพอแล้ว




