เป้าหมาย hub การบินพาณิชย์ : สุวรรณภูมิต้องแซงชางงีใน 5 ปี

ใครไปสิงคโปร์ช่วงนี้ จะเห็นการก่อสร้างขยายตัว ของสนามบินนานาชาติ ชางงี อย่างคึกคัก...
สาเหตุเพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียความเป็น hub หรือ “แกนกลาง” ของการบินพาณิชย์ในภูมิภาคนี้ ซึ่งควรจะเป็นกรุงเทพฯ มากกว่า
ผมไม่ได้พูดเองจากความรู้สึกชาตินิยม ที่ว่าถ้าจะพูดในเชิงภูมิศาสตร์กันจริงๆ แล้ว สนามบินสุวรรณภูมิของกรุงเทพฯ เราควรจะเป็น hub ของสายการบินในย่านนี้มากกว่าสิงคโปร์ หรือ มาเลเซีย ด้วยซ้ำไป
แต่ที่ไทยเรายังซอยเท้าอยู่กับที่ ก็เพราะความละล้าละลัง และขาดวิสัยทัศน์ทางการเมืองในระดับชาติที่เป็นสากลเพียงพอ ที่จะผลักดันให้เราเป็นศูนย์กลางแห่งการบินพาณิชย์ของภูมิภาคนี้
ไม่เชื่อก็ลองกางแผนที่ออกดู กรุงเทพฯ เราได้เปรียบในเรื่องที่ตั้งและความสะดวกในการต่อเครื่องบินไปยังจุดต่างๆ ของเอเชียตะวันออก มากกว่าเพื่อนบ้านอื่นอย่างชัดเจน
ลึกๆ แล้ว สิงคโปร์ ก็กลัวไทยจะแย่งตำแหน่งนี้ไป จึงทุ่มทุนและทรัพยากรในการขยายตัว เพื่อรองรับการจราจรทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าผมจะบินไปคราใดก็จะเห็นการก่อสร้างขยับขยายตลอดเวลา
ล่าสุดเขากำลังจะสร้างเป็น “เมืองยักษ์” ที่เรียกว่า aerotropolis รอบๆ สนามบิน โดยจะให้เชื่อมต่อทั้ง 5 เทอร์มินัลเข้าด้วยกัน เพื่อความสะดวกสำหรับคนเดินทางและประชาชนทั่วไป
สนามบินจะเป็น “เมืองใหญ่” ที่ผู้คนไม่เพียงแต่ใช้เดินทางเท่านั้น หากแต่ยังจะอยู่อาศัยรอบๆ สนามบิน ซึ่งมีกิจกรรมด้านเศรษฐกิจครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง
แนวคิดการออกแบบสนามบินยุคใหม่ คือ การให้สร้างเมืองรอบๆ สนามบิน ไม่ใช่สร้างสนามบินเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเท่านั้น เพราะว่าการเดินทางทางอากาศจะกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสายการบินประหยัดเกิดขึ้นมามากมาย ทำให้คนรายได้ปานกลางสามารถบินไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่าสมัยก่อนหลายเท่า
รัฐบาลสิงคโปร์ ยืนยันเป็นนโยบายชัดเจนว่าจะปกป้องสถานภาพความเป็น hub ของการบินพาณิชย์ในภูมิภาคนี้อย่างเต็มที่ เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาะแห่งนี้ ขึ้นอยู่กับการค้าระหว่างประเทศ และการเดินทางเป็นหัวใจของเศรษฐกิจที่ต้องเชื่อมโลกในทุกมิติ
สนามบินชางงี ได้ชื่อว่ามีความสะดวกสบาย และบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าประทับใจ เป็นที่ยอมรับของผู้โดยสารระหว่างประเทศ
เขาเคยประกาศว่าหากคุณลงจากเครื่องบิน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และวิ่งกลับไปต่อเครื่องบินที่ลานจอดอีกครั้งหนึ่ง จะใช้เวลาไม่เกิน 8 นาที
ผมเคยลองทดสอบคำท้าของเขามาแล้ว ระบบทำงานที่คล่องแคล่ว และวางแผนเส้นทางเดินเข้าออกของผู้โดยสารมีประสิทธิภาพอย่างนั้นจริงๆ
ครึ่งหนึ่งของที่ดินของสนามบินแห่งนี้ เป็นดินที่ถมจากทะเล ตอนที่ก่อสร้างใหม่เมื่อปี 1975 ต้องเวนคืนตึก 558 ตึก และย้ายสุสาน 4,096 แห่ง ออกไปจากที่ตั้งของสนามบินเพราะเขาวางนโยบายชัดเจนว่าจะต้องสามารถรับใช้ความต้องการเครือข่ายทางอากาศของธุรกิจระหว่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมง
บ่อยครั้งที่ผมแวะสนามบินชางงี จะมีเจ้าหน้าที่สำรวจขอความเห็นถึงความพึงพอใจหรือไม่พอใจของผู้ใช้สนามบิน เพื่อนำไปปรับปรุงตลอดเวลา
ผมยังไม่เคยพบเห็นใครมาถามคำถามอย่างนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
สิงคโปร์ยอมรับว่า สถานภาพของความเป็น hub การบินพาณิชย์ของเขา กำลังถูกคุกคาม เพราะว่าเครื่องบินลำใหญ่ขึ้น บินระยะทางไกลขึ้น แนวโน้มการจราจรทางอากาศที่เปลี่ยนไป และการแข่งขันที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
เขายอมรับว่า กรุงเทพฯ และ มาเลเซีย อาจจะมีที่ตั้งที่เหมาะสม สำหรับการเชื่อมต่อของผู้โดยสารจากยุโรป มา เอเชีย
สิงคโปร์ หวั่นไหวพอสมควรที่สายการบิน Qantas ประกาศถอนตัวเอง ออกจากการใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์ปฏิบัติการไปอยู่ที่ดูไบ เพราะว่าที่นั่นสามารถสนองความต้องการของธุรกิจการบินพาณิชย์มากกว่า
เขาไม่เคยคิดว่าใครจะหนีสิงคโปร์ไปได้ แต่วันนี้ ความเปลี่ยนแปลงเริ่มจะเกิดขึ้น และเขามองกรุงเทพฯ เป็นคู่แข่งสำคัญ
อดีต นายกฯ ลี กวน ยู เคยเตือนเอาไว้เมื่อปี 2004 ว่า หากรัฐบาลสิงคโปร์ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ดี สายการบินระหว่างประเทศจะไม่ใช้สนามบินชางงี ของสิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางอีกต่อไปก็ได้ และประวัติศาสตร์ได้ยืนยันว่าประเทศไหนที่สูญเสียความเป็นศูนย์กลางด้านนี้ จะเรียกคืนตำแหน่งเช่นนี้กลับมายากพอสมควร
แผนการปรับตัวครั้งใหญ่ของสนามบินสิงคโปร์ ขณะนี้คือ การสร้าง terminal ยักษ์ใหม่เอี่ยมโดยจะมีสถานี MRT ของตัวเอง อีกทั้งยังจะสร้างรันเวย์ที่ 3 ทางตะวันออกโดยมีทางวิ่งยาวถึง 40 กิโลเมตร
บริเวณที่จะขยายออกไปนี้จะเป็นเมืองทันสมัยในตัว มีโรงแรมใหม่ๆ หลายแห่ง รวมถึงศูนย์การค้าและชอปปิง และสวนสาธารณะที่ให้ผู้คนที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้โดยสารมาใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเมืองใหญ่อื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
ที่เขียนเล่ามาทั้งหมดนี้ เพราะต้องการให้รัฐบาลไทยตั้งตัวใหม่ หันมาวางแผนการขยายตัวของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ให้เป็น dual-airport capital และตั้งเป้าให้ชนะสิงคโปร์ ให้เป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียในฐานะ hub แห่งการบินพาณิชย์ให้ได้
คนอื่นเขาเห็นศักยภาพเรา มีแต่เราต่างหากที่ย่ำเท้าอยู่กับที่ เพราะความล้าหลังทางความคิดและวิสัยทัศน์ทางการเมือง...เท่านั้น!







