แทมมี่ ดักเวิร์ธ (1) : จากสนามรบสู่สภาคองเกรส

แทมมี่ ดักเวิร์ธ (1) : จากสนามรบสู่สภาคองเกรส

หากเอ่ยชื่อแทมมี่ ลัดดา ดักเวิร์ธ แล้ว คงมีคนไทยทั้งในและต่างประเทศจำนวนไม่น้อยที่คุ้นเคยกับชื่อเสียงของเธอเป็นอย่างดี

ในฐานะหญิงอเมริกันเชื้อสายไทยที่เข้าไปมีบทบาทในกองทัพและการเมืองสหรัฐฯ โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปนั่งอยู่ในสภาของสหรัฐภายใต้รัฐบาลบารัก โอบามา สมัยที่ 2 ปี 2555 หลังจากพ่ายแพ้อย่างฉิวเฉียดในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้าในปี 2549

ก่อนหน้านี้การยกย่องคนต่างชาติเชื้อสายไทยที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติในฐานะ “คนไทย” ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ สร้างกระแสตอบรับทั้งทางบวกและทางลบต่อหลายฝ่าย บ้างก็รู้สึกว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยรุ่นใหม่ บ้างก็ว่าประเทศไทยฉวยโอกาสจากชื่อเสียงของชาวต่างชาติเชื้อสายไทยเหล่านั้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้มีความผูกพันกับประเทศไทยเลย ดังนั้นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ แทมมี่ ลัดดา ดักเวิร์ธ จึงเป็นที่จับตาของทุกฝ่าย โดยต่างก็ลุ้นว่าเธอจะมีความภาคภูมิใจกับสายเลือดไทยและมีความเป็นไทยมากน้อยเพียงใด

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมาภายใต้ความร่วมมือของโครงการสหรัฐอเมริกาศึกษา สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญส.ส. แทมมี่ ลัดดา ดักเวิร์ธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี ซี มาบรรยายพิเศษและตอบคำถามกับนิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป ในหัวข้อ “US Foreign Policy in Congresswoman Tammy Duckworth's Perspective” ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี รศ. ดร. ฐิตินันท์พงษ์สุทธิรักษ์ เป็นผู้ดำเนินรายการการบรรยายนั้นมีเนื้อหาที่แสดงถึงจุดยืนทางความคิดและนโยบายภายในและต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในมุมมองของคุณดักเวิร์ธอย่างชัดเจน นอกจากนั้นคุณดักเวิร์ธยังสร้างความเป็นกันเองกับผู้เข้าฟัง โดยการเล่าชีวิตส่วนตัว ประสบการณ์การเป็นทหารและเส้นทางสู่การเมืองอย่างสนุกสนานแต่สอดแทรกไปด้วยข้อคิดในการใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ สร้างความประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจกับผู้ฟังอย่างท่วมท้น

สถานะทหารผ่านศึกสามารถพิสูจน์ความเป็น “ตัวจริง” ของเธอได้เป็นอย่างดี ประสบการณ์การร่วมรบในสงครามอิรักทำให้คุณดักเวิร์ธตระหนักถึงปัญหาหลายประการที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของทหารและประชาชนอเมริกันจากการเข้าร่วมสงครามของสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากอาการบาดเจ็บจากสงครามการที่เธอปฏิเสธความช่วยเหลือจากโครงการทหารผ่านศึกและยังทำหน้าที่ในกองทัพสหรัฐ ทำให้เธอได้มีโอกาสริเริ่มโครงการใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและสวัสดิการสาธารณะมากมาย เช่น การช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และโครงการหาบ้านเพื่อทหารผ่านศึก เป็นต้นซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้เธอได้มีประสบการณ์ในการทำงานสายการเมืองและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

เมื่อได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสภาฯ บทบาทของการเป็นอดีตทหารหญิงที่ไม่ใช่เพียงแค่ “Chicken-hawk” (คำศัพท์ที่ใช้เรียกคนที่สนับสนุนสงครามอย่างออกหน้าออกตา แต่หลีกเลี่ยงการร่วมรบในสงครามจริง) ทำให้ไม่มีใครสามารถโต้แย้งเธอได้เมื่อมีการอภิปรายถึงผลเสียจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแทรกแซงการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และยากที่จะหาเหตุผลมาหักล้างนโยบายเสรีนิยมที่เธอพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการในระดับรัฐและระดับประเทศ เพราะคุณดักเวิร์ธนั้นผ่านโลกแห่งความจริงที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจะประสบมาแล้ว

ตลอดการสนทนากับคุณดักเวิร์ธในระยะเวลา 90 นาที สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ภาวะผู้นำซึ่งสะท้อนผ่านทัศนคติที่สื่อสารกับผู้ฟังอย่างชาญฉลาด ชัดเจน และตรงไปตรงมา โดยเปิดโอกาสให้ผู้ฟังทุกคนได้ถามคำถามในประเด็นที่สงสัยแม้ว่าจะมีเวลาจำกัด ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการเปิดกว้างทางความคิดอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชมของสังคมอเมริกัน และถึงแม้ว่าคุณดักเวิร์ธจะมีเชื้อสายไทย เกิดและใช้ชีวิตในประเทศไทยเพียง 8 ปี แต่สภาพแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้งจากการติดตามครอบครัวไปในหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และการย้ายเมืองไปตามรัฐต่างๆ ของอเมริกา หล่อหลอมความเป็นพหุวัฒนธรรมให้กับสตรีท่านนี้ได้อย่างกลมกลืน

ดังนั้น แม้ว่าจะอยู่ภายใต้หมวกของอดีตทหารและนักการเมือง ซึ่งโดยมากแล้วมักจะมีบุคลิกเข้มแข็ง และจริงจัง คุณดักเวิร์ธซึ่งมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วนยังเสริมด้วยลักษณะของชาวเอเชียตะวันออกที่เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม และการพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของสังคมที่อยู่ สังเกตได้จากการที่เธอพยายามจะสื่อสารด้วยภาษาไทยและการยกมือไหว้คนไทยได้อย่างงดงามในระหว่างการพบปะกับบุคคลทั่วไปซึ่งบุคลิกลักษณะเช่นนี้มีเสน่ห์อย่างมากกับสังคมที่เต็มไปด้วยคนจากหลายเชื้อชาติและการมีซึมซับวัฒนธรรมที่แตกต่างจนได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็น The Melting Pot อย่างอเมริกาจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด คุณดักเวิร์ธจึงได้รับความนิยมชมชอบและความไว้วางใจให้ทำหน้าที่แทนชาวอเมริกันในอิลลินอยส์อย่างล้นหลาม

เมื่อรู้จักกับสุภาพสตรีท่านนี้ในเบื้องต้นแล้ว ฉบับหน้าจะเจาะลึกในประเด็นเกี่ยวกับมุมมองของคุณดักเวิร์ธที่มีต่อนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ และประเด็นอื่นๆ ที่มีการสนทนา สุดท้ายแล้วขอทิ้งท้ายประโยคเด็ดของคุณดักเวิร์ธที่สามารถอธิบายตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน ดังนี้

“ภาวะผู้นำไม่ใช่เพียงแค่ทำสิ่งที่ถูกต้องเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้อง หรือตอนที่ทุกคนกำลังมองเราอยู่ แต่หมายถึงการทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยตัวของเราเอง และทำไปเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

น่าเสียดายแทนคนไทยจริงๆ ที่คุณดักเวิร์ธเป็น ส.ส. อเมริกา!