สู่อิสรภาพอเมริกา : Boston Tea Party (1)

ชาวอเมริกันทั่วโลก ทั้งในและนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ต่างเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกาอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ด้วยการจุดพลุ ประดับตกแต่งธงชาติ ร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสริญต่างๆ ในวันชาติอเมริกา หรือ Fourth of July มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันประกาศอิสรภาพ (Independence Day)
อาณานิคมทั้ง 13 ในอเมริกาเหนือของราชอาณาจักรบริเตนพร้อมใจรวมตัวกันเพื่อปลดแอกอาณานิคมตนเองจากการปกครองอันกดขี่ของเจ้าอาณานิคม มีการจัดประชุมเพื่อร่างคำประกาศอิสรภาพ รวมถึงร่างกฎหมาย ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย (Philadelphia, Pennsylvania) ซึ่งตั้งอยู่ติดชายฝั่งตะวันออก ทางตอนกลางของทวีป ในที่สุด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 (พ.ศ. 2319) บรรดาแกนนำก็พร้อมใจกันประกาศอิสรภาพแก่สหรัฐอเมริกา ด้วยคำประกาศฯที่ร่างโดยนาย Thomas Jefferson ซึ่งต่อมากลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา
สาเหตุในการประกาศอิสรภาพครั้งนี้ แน่นอนว่าเกิดจากการปกครองที่ไม่เป็นธรรมของเจ้าอาณานิคมคือ อังกฤษ คำถามก็คือ การปกครองของอังกฤษไม่เป็นธรรมอย่างไร และขนาดไหน ที่สามารถทำให้คนอเมริกัน (ซึ่งเคยนับถืออังกฤษเป็นประเทศแม่) ทนไม่ไหวจนต้องต่อสู้เพื่อปลดแอกจากการกดขี่ข่มเหง
จำเป็นจะต้องกล่าวถึงสงครามระหว่างอังกฤษ กับฝรั่งเศสและอินเดีย ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งแม้อังกฤษจะเป็นผู้ชนะในสงครามทั้งสอง แต่ก็ต้องเสียทรัพยากรไปจำนวนมาก เป็นเงินมหาศาล อังกฤษจึงต้องชดเชยโดยการเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อมาทดแทนเงินที่เสียไปในการสงคราม อาณานิคมทั้ง 13 ในอเมริกา ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ จึงกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการผลิตเม็ดเงินที่สูญไปมาทดแทนให้แก่รัฐบาลอังกฤษ กระบวนการในการทำเงินจากอาณานิคมทั้ง 13 ของอังกฤษคือการบัญญัติกฎหมายต่างๆ เพื่อเก็บภาษีสินค้าต่างๆ ที่อาณานิคมทั้ง 13 โดยครอบคลุมสินค้าที่มากขึ้น และเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น กฎหมายต่างๆ ที่ออกมาในช่วงนี้ ได้แก่ Stamp Act (ค.ศ. 1765), Declaratory Act (ค.ศ. 1766), Towshend Revenue Act (ค.ศ. 1767) และ Tea Act (ค.ศ. 1773) ตามลำดับ
เนื้อหาในกฎหมายทั้ง 4 เป็นการขึ้นอัตราการเก็บภาษีในสินค้า แก่อาณานิคมทั้ง 13 จึงเกิดการต่อต้านอย่างกว้างขวางขึ้น ฝ่ายอเมริกันอ้างว่า ในเมื่อไม่มีผู้แทนของอาณานิคมทั้ง 13 นั่งอยู่ในสภาของอังกฤษเลย ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษจึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีแก่อาณานิคมได้ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของอังกฤษเอง อย่างไรก็ดี ฝ่ายอังกฤษก็ยังคงยืนยันถึงสิทธิ์ของรัฐบาลอังกฤษในการเก็บภาษีแก่อาณานิคมและยังคงมีการบัญญัติกฎหมายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในปี 1773 อังกฤษให้สิทธิ์แก่บริษัท East India ในการผูกขาดการนำเข้าสินค้าประเภทใบชาสู่อเมริกา โดยอังกฤษยอมยกเลิกการเก็บภาษีสินค้าอย่างอื่น ยกเว้นใบชา และแม้จะเก็บภาษีใบชา ก็เก็บในอัตราที่น้อยลง เรื่องดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีหากนี่ไม่ใช่แผนการอันแยบยลของอังกฤษในการใช้กลลวงให้อาณานิคมติดกับ เนื่องจากหากอาณานิคมยอมจ่ายภาษีใบชาในครั้งนี้ให้แก่อังกฤษ ก็จะถือเป็นการยอมรับอย่างเปิดเผยถึงสิทธิ์ของรัฐบาลอังกฤษในการเก็บภาษีแก่อาณานิคม
อย่างไรก็ดี ชาวอาณานิคมมิได้ถูกหลอกได้โดยง่าย ทั้งหมดรู้ทันแผนการของอังกฤษเป็นอย่างดี เมื่อเรือขนส่งใบชามาจอดเทียบท่าอาณานิคม ชาวอาณานิคมต่างไม่อนุญาตให้มีการนำขนส่งสินค้าเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้เกิดการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูแซตส์ เมื่อเรือขนส่งสินค้าใบชา 3 ลำกำลังจะจอดเทียบท่า กลุ่มชาวอาณานิคมที่รออยู่ก็ต่อต้านการเทียบท่าขนส่ง จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างชาวอาณานิคม และเจ้าพนักงานที่ขนส่งสินค้ามา สุดท้ายเรือขนส่งและสินค้าถูกทำลายจนเกือบหมด นับเป็นเหตุการณ์ปะทะกันรุนแรงครั้งแรกระหว่างอาณานิคมและเจ้าอาณานิคม และเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่การต่อสู้กันระหว่างทั้งสองฝ่าย สู่เส้นทางอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาในที่สุด
ในช่วงปี 1773 ถึง 1776 ก่อนที่บรรดาอาณานิคมทั้ง 13 จะรวมตัวกันอย่างเป็นปึกแผ่น และสามารถประกาศอิสรภาพได้สำเร็จ ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ นำโดยบรรดาบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย ซึ่งต่อมาบุคคลเหล่านี้กลายเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ของอเมริกา
ในตอนต่อไป เราจะมาดูกันถึงรายละเอียดการรวมตัว และการต่อสู้ปลดแอกจากอังกฤษของอาณานิคม คำประกาศอิสรภาพอันโด่งดัง บทบาทของบุคคลสำคัญต่างๆ ในเหตุการณ์ การร่างรัฐธรรมนูญอเมริกัน ซึ่งยังคงใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรม หรืออัตลักษณ์ของชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นชาติใหม่ที่สามารถกลายเป็นมหาอำนาจของโลกได้ในที่สุด.




