เมื่อ "โมบายเพย์เมนท์" เป็นสนามที่ท้าทาย

การแข่งขันในสนามนี้ ไม่จำกัดเฉพาะคู่แข่งในวงการดิจิทัลเท่านั้น แต่รวมถึงการกำจัดตัวแปรอื่นๆ ด้วย
วันนี้ การใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค สู่ "ดิจิทัลไลฟ์สไตล์" ที่พร้อมทำงานหลายอย่างผ่านทางสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล อ่านข่าว แชทกับเพื่อน ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งซื้อสินค้า ธุรกิจและบริการต่างๆ จึงไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดผู้เล่นหน้าใหม่เข้าช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดและเริ่มมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น จนเกิดเป็น ดิจิทัล ดิสรัปชั่น (Digital Disruption) เช่น ระบบโมบายเพย์เมนท์จากสแควร์ (square.com) ที่เล่าสู่กันฟังคราวที่แล้ว
ฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช ประมาณตัวเลขโมบายเพย์เมนท์ของสหรัฐในปี 2559 ว่าอาจพุ่งสูงเป็น 31,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิมเพียง 6,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว จึงทำให้บรรดาผู้เล่นหน้าเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การให้บริการผ่านโมบายอย่างเข้มข้น แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถชี้ได้ว่า ในที่สุดแล้วเจ้าสนามจะเป็นใคร
เพย์พัล ยังครองความนิยม
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาคอมสกอร์ได้รายงานผลการศึกษาข้อมูลในสหรัฐเมื่อปลายปี 2555 ถึงความตื่นตัวและความเข้าใจของผู้บริโภคต่อการใช้ดิจิทัล วอลเล็ตในรายงานดิจิทัล วอลเล็ต โรดแมพ 2555 ที่ระบุว่าการรับรู้ของผู้บริโภคต่อบริการดิจิทัลวอลเล็ตของเพย์พัล (paypal.com) อยู่ที่ 72% และมีอัตราใช้งานอยู่ที่ 48% ขณะที่กูเกิล วอลเล็ต (Google Wallet) มีการรับรู้อยู่ที่ 41% และใช้งานที่ 8% ส่วนสแควร์มีการรับรู้ 8% และใช้งาน 2%
ตรงกับรายงานผลประกอบการของอีเบย์ ต้นสังกัดของเพย์พัลที่ระบุถึงผลประกอบการล่าสุด ในไตรมาสแรกปีนี้ว่า มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยระบุยอดผู้ใช้จ่ายผ่านเพย์พัลที่ 41,000 ล้านดอลลาร์ และที่สำคัญคือในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 25% ของลูกค้าชำระเงินผ่านโมบาย
เลือกใช้ 'MCX' ให้ได้เปรียบ
ระบบ Merchant Customer Exchange (MCX) เกิดจากการร่วมมือของกลุ่มธุรกิจรีเทลในสหรัฐเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 เพื่อสร้างแพลตฟอร์มโมบายคอมเมิร์ซ (M-Commerce) ที่สะดวกต่อการเชื่อมต่อและการใช้ข้อมูลที่เน้นถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ นั่นคือลูกค้าสามารถใช้แอพผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่นในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องกังวลว่าต้องเปลี่ยนแอพไปมา
การออกแบบระบบพื้นฐานของแพลตฟอร์ม MCX เน้นให้ความยืดหยุ่นในการสร้างฟังก์ชั่นการใช้งานที่เฉพาะแก่บริษัทผู้เข้าร่วมในโครงการแต่ละราย โดยสร้างฟังก์ชั่นต่อยอดจากระบบพื้นฐานของแพลตฟอร์มนี้ เพื่อให้บริการตามรูปแบบที่บริษัทสมาชิกแต่ละรายต้องการได้อย่างดี ซึ่งรวมไปถึงการหวังผลเชิงการตลาด และการนั่งอยู่ในใจของลูกค้ากับห้าง มากกว่าการใช้งานแทนที่แพลตฟอร์มการชำระเงินทั่วไป
ปัจจุบัน โครงการนี้มีกลุ่มรีเทลรายใหญ่ที่เข้าร่วมกว่า 30 กลุ่ม และสโตร์หรือร้านค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 75,000 แห่ง แบรนด์เหล่านี้ได้แก่ วอลมาร์ท ทาร์เก็ต เคมาร์ท เบสต์บาย 7-อีเลฟเว่น เซียร์ส ดิลลาร์ดส์ แก้ป บานานา รีพับลิค ชิลิส์ ดังกินโดนัทส์ ซีวีเอส/ฟาร์มาซี เชชล์ เซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส และ ซูโนโค เป็นต้น
กล่าวได้ว่าครอบคลุมผู้ใช้สมาร์ทโฟนเกือบทั้งหมดในอเมริกา และมียอดขายรวมมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ จึงเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคและนับเป็นผู้นำตลาดไปโดยปริยาย เพราะการแข่งขันในสนามนี้ไม่ใช่เฉพาะกับคู่แข่งในวงการดิจิทัลเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการกำจัดตัวแปรอื่นๆ ออกจากการช็อปของลูกค้าที่หลงใหลการใช้โมบาย รวมถึงการลดอิทธิพลของแพลตฟอร์มการชำระเงินที่สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าอย่างระบบเพย์พัล กูเกิลวอลเล็ต รวมถึงบัตรเครดิตอีกด้วย
ล่าสุด MCX ได้เลือกใช้ระบบโมบายคอมเมิร์ซ และโมบายวอลเล็ตจากบริษัทผู้พัฒนาชื่อ "เยอมัลโต" (Gemalto) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่มีความชำนาญด้านดิจิทัลซิเคียวริตี้ และระบบโมบายคอมเมิร์ซ โดยในเวอร์ชั่นแรกของระบบ MCX จะทำงานด้วยบาร์โค้ดผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์ และโมบายเพย์เมนท์ของ เยอมัลโต ซึ่ง MCX หวังว่าจะช่วยให้รีเทลที่เข้าร่วมโครงการสามารถต่อยอดฟังก์ชั่นการใช้งานของระบบพื้นฐานนี้ได้
คู่แข่งหน้าใหม่ในสนาม
ล่าสุดซัมซุง กาแล็คซี่ เอส4 ติดตั้งมาพร้อมกับวีซ่าส์ เพย์เวฟ ( Visa’s payWave) ในซีเคียวร์ชิพ (Secure Chip) โดยสมาร์ทโฟนจากซัมซุงรองรับการทำงานในลักษณะ Near Field Communication (NFC) ที่ให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินผ่านโมบายเพียงแตะ หรือโบกมือถือผ่านเครื่องรับสัญญาณ
ความร่วมมือของวีซ่ากับซัมซุงในครั้งนี้เป็นการเปิดช่องทางให้สถาบันการเงินสามารถใช้บริการของวีซ่า (Visa Mobile Provisioning Service) ในการรับชำระเงินผ่านมือถือทีติดตั้ง NFC โดยข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินจะถูกเก็บไว้ในระบบชิพที่ปลอดภัยของมือถือ เท่ากับเป็นการเปิดกว้างให้สถาบันการเงินสามารถขยายบริการผ่านสมาร์ทโฟนเช่นกัน
การขับเคี่ยวที่ดุเดือดของโมบายเพย์เมนท์คงไม่ใช่เพียงเพื่อให้บริการชำระเงินหรือการแข่งขันทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่วันนี้รีเทลต้องการดึงความสนใจของลูกค้าด้วยโปรโมชั่นและโน้มน้าวการตัดสินใจของลูกค้าที่ชื่นชอบการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งนับเป็นเม็ดเงินที่สำคัญและนักการตลาดต่างต้องการ
คงต้องติดตามชมว่าเจ้าสนามจะเป็นค่ายไหน แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจไม่ควรตกเทรนด์นี้







