รัฐเกรละ (Kerala) ขุมทองแห่งใหม่ใต้สุดของอินเดีย

รัฐเกรละ (Kerala) ขุมทองแห่งใหม่ใต้สุดของอินเดีย

ผมไปพบขุมทองแห่งใหม่ของอินเดียเข้าแล้วครับ !!!

ผมมีโอกาสเดินทางไปรัฐเกรละหรือที่เราออกเสียงกันทั่วไปว่า “เคราล่า” กับท่านทูตพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2556 ตามแนวทางการทำงานในรูปแบบ “ทีมประเทศไทย” ในประเทศอินเดีย ที่เห็นผลสัมฤทธิ์เป็นที่ประจักษ์อย่างที่เคยทำกันมาแล้วในรัฐคุชราตในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา คือ ท่านทูตจะบุกไปเปิดประตูให้ แล้วทีมประเทศไทยก็ตามเข้าไปทำงานเพื่อชาติกันตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทำให้รัฐคุชราตเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในหมู่คนไทย จนบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่เป็นผู้ผลิตภาชนะทำจากเมลามีนได้ตัดสินใจที่จะไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตในรัฐคุชราตในเร็วๆ นี้

และบริษัทการบินไทย โดยสายการบินไทยสไมล์ก็จะเปิดเที่ยวบินใหม่บินตรงระหว่างเมืองอาห์เมดาบาดกับกรุงเทพฯ ในวันที่ 1 เมษายน 2556 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ รวมทั้งโอกาสอื่นๆ อีกมากมายในรัฐคุชราตโดยเฉพาะเรื่องการประมง ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานประมงของรัฐคุชราตเพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนด้านนี้โดยนักธุรกิจไทยในรัฐคุชราต

การเดินทางไปเยือนรัฐเกรละในครั้งนี้ เป็นการเดินทางร่วมกันของคณะเอกอัครราชทูตจากกลุ่มประเทศอาเซียนประจำประเทศอินเดียเพื่อไปร่วมพิธีต้อนรับเรือ INS Sudarshini ซึ่งเป็นเรือแล่นใบขนาดใหญ่ของกองทัพเรืออินเดียที่เดินทางกลับจากการฝึกภาคทางทะเล หลังจากที่ออกเดินทางไปเยือนประเทศอาเซียนทุกประเทศ (ยกเว้น สปป. ลาว ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีเขตแดนติดทะเล) เป็นเวลา 121 วัน ระยะทาง 13,700 ไมล์ทะเล ซึ่งหลังจากพิธีต้อนรับเรือดังกล่าวแล้วสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอินเดีย ได้จัดให้คณะได้พบปะกับภาคเอกชนของอินเดียในรัฐเกรละ และคณะได้รับเกียรติเชิญให้เข้าเยี่ยมคารวะมุขมนตรีแห่งรัฐเกรละในวันต่อมา ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าอินเดียให้ความสำคัญกับกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

รัฐเกรละเป็นรัฐที่อยู่ใต้สุดของประเทศอินเดียฝั่งตะวันตก มีประชากรประมาณ 33.39 ล้านคน ส่วนใหญ่พูดภาษามาลายาลัม มีผู้นับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 56.2 ศาสนาอิสลาม ร้อยละ 24.7 และศาสนาคริสต์ ร้อยละ 19.0 ทั้งนี้ ประชากรที่นับถือศาสนาฮินดูบางส่วนบริโภคเนื้อสัตว์ด้วย โดยเฉพาะอาหารทะเลเพราะมีชายฝั่งทะเลยาวถึง 590 กิโลเมตร การบริโภคเนื้อสัตว์ของชาวเกรละจึงถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่จะเข้าไปในตลาดนี้ นอกจากนั้น ที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดของรัฐเกรละก็คือ มะพร้าว เพราะรัฐนี้เป็นรัฐที่ปลูกมะพร้าวมากที่สุดในประเทศอินเดีย ซึ่งชื่อ Kerala ก็หมายถึง “ดินแดนแห่งต้นมะพร้าว” นั่นเอง โดยในปีการผลิต 2553-2554 รัฐเกรละมีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวถึง 7.7 แสนเฮกตาร์ (ประมาณ 4.8 ล้านไร่)

คนเกรละถือเป็นคนที่มีการศึกษาดีที่สุดในประเทศอินเดีย โดยมีอัตราการอ่านออกเขียนได้สูงที่สุดในประเทศถึงร้อยละ 93.91 และเป็นรัฐที่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่สูงที่สุดในประเทศอินเดียด้วยค่าดัชนี 0.79 นอกจากนั้น จากการสำรวจเมื่อปี 2548 โดยหน่วยงาน Transparency International พบว่ารัฐเกรละเป็นรัฐที่มีการทุจริตต่ำที่สุดในประเทศอินเดีย ช่างเป็นรัฐที่น่าสนใจเสียนี่กระไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเกรละที่เป็นคนระดับมีคุณภาพเป็นส่วนใหญ่ แตกต่างไปจากคนอินเดียทั่วไปในรัฐอื่น อันเป็นผลมาจากการอพยพของคนเกรละไปทำงานอยู่ในกลุ่มประเทศอ่าวในตะวันออกกลางจำนวนมากในช่วงทศวรรษที่ 70-80 คนเหล่านี้ไปทำงานในตะวันออกกลางและส่งเงินกลับมาบ้านที่รัฐเกรละจำนวนมาก แต่ในปัจจุบัน คนเกรละเหล่านี้ได้กลายเป็นนักธุรกิจระดับนานาชาติที่มีถิ่นพำนักอยู่ในตะวันออกกลางและประเทศอื่นๆ ที่เรียกกันว่า “NRI” หรือ “Non Residence Indian” หรือคนอินเดียที่ไม่มีถิ่นพำนักในประเทศอินเดีย คนเหล่านี้จะเดินทางไป-มาระหว่างรัฐเกรละกับกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นจำนวนมาก และคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นพลังผลักดันสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเกรละเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ความสำคัญของคนเกรละที่ทำงานอยู่ในตะวันออกกลางจะสังเกตเห็นได้ง่ายจากป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่สองข้างทางระหว่างเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเมืองโคชินเข้าไปในเมือง ป้ายโฆษณาเหล่านี้จะมีตั้งแต่โฆษณาขายอัญมณีและเครื่องประดับ บ้านและคอนโดมิเนียม บริการทางการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีคำว่า “ยินดีต้อนรับคนอินเดียที่มาจากต่างประเทศ”

ล่าสุด ได้มีกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางมาลงทุนเปิดศูนย์การค้า Lulu Mall ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ที่เมืองโคชิน ในรัฐเกรละ โดยมีพื้นที่เฉพาะสำหรับศูนย์การค้าถึง 3.9 ล้านตารางฟุต ด้วยเงินลงทุนประมาณ 9.6 พันล้านบาท และร้านอาหาร Mc Donald’s ก็เปิดที่ศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นครั้งแรกในรัฐเกรละเช่นกัน โดยได้ข่าวว่าจะรับประทาน Mc Donald’s ที่เมืองโคชินตอนนี้ต้องรอกว่า 2 ชั่วโมงถึงจะได้รับประทานเพราะคนที่รัฐเกรละกำลังเห่อของใหม่ ทำให้ต้องเข้าคิวยาวมาก

ผลจากการพบปะหารือกับภาคเอกชนในรัฐเกรละ ซึ่งจัดโดย สมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งอินเดีย เห็นได้ชัดว่าภาคเอกชนอินเดียให้ความสนใจประเทศไทยมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจากการหารือกับภาคเอกชนอินเดียในรัฐเกรละดังกล่าว ท่านทูตพิศาลสามารถฟันธงได้เลยว่าอุตสาหกรรมที่น่าจะมีโอกาสมากที่สุดสำหรับประเทศไทยในรัฐเกรละน่าจะเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหมายถึงการเข้าไปรับงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ถนน รถไฟใต้ดิน การกำจัดขยะ การบำบัดน้ำเสีย และโครงการหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม

อุตสาหกรรมที่สอง คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างเมืองโคชินกับกรุงเทพฯ และธุรกิจการลงทุนด้านโรงแรมหรือการบริหารโรงแรม เพราะรัฐเกรละเป็นรัฐที่เน้นด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก มีโรงแรมเกิดขึ้นจำนวนมากในปัจจุบัน และอุตสาหกรรมสุดท้าย คือ อุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เพราะรัฐเกรละเป็นรัฐที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรทั้งด้านการเกษตรและการประมง และที่สำคัญ เกรละเป็นรัฐที่มีคนบริโภคเนื้อสัตว์มาก โอกาสสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารจึงน่าจะมีสูง และที่ขาดไม่ได้คือ ธุรกิจร้านอาหารไทยซึ่งเป็นที่นิยมของคนที่นี่ แต่ยังไม่ค่อยมีร้านอาหารไทยที่เป็นไทยแท้ๆ รองรับเท่าไหร่ เชื่อว่าโอกาสมีมากมายจริงๆ สำหรับร้านอาหารไทยเพราะอาหารเกรละมีรสชาติใกล้เคียงกับอาหารไทยค่อนข้างมาก

ขอฝากไว้ว่าขุมทองที่เกรละอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเลย อากาศก็เหมือนกับภาคใต้ของประเทศไทยมากๆ ก็ขอนำเสนอไว้ในเบื้องต้นแค่นี้ก่อนนะครับ หลังจากนี้ทีมประเทศไทยที่อินเดียจะค่อยๆ ขุดให้ลึกลงไปเพื่อนำมาเสนอนักธุรกิจไทยอีก...แล้วพบกันที่เกรละนะครับ