ESG: The end of the beginning.

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างให้ความสำคัญมากขึ้นในการลงทุนแบบยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงหลังการเกิดโรคระบาด Covid-19 และภาวะอากาศที่แปรปรวน กระแสการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่เน้นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ ESG ที่หมายถึง สิ่งแวดล้อม สังคม การกำกับดูแล (Environment, Social, Governance)

มีกระแสเงินเข้าลงทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามด้วยสภาวะการลงทุนในปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นแรง และความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ ก็ส่งผลลบต่อผลการดำเนินงานของกองทุนในธีม ESG ไม่ต่างจากกลุ่มอื่นๆ ทำให้เริ่มเห็นกระแสเงินไหลออกจากธีมนี้สะท้อนว่านักลงทุนกำลังมีคำถามหรือสงสัยถึงประโยชน์ในการลงทุนในธีมนี้ว่าส่งผลดีต่อพอร์ตการลงทุนจริงหรือไม่

นอกจากนี้ประเด็น “Green Washing” หรือการฟอกเขียวซึ่งหมายถึงการที่บริษัทใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์ว่าให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมแต่กลับไม่ได้ลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนหรือส่งผลบวกต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งในด้านการลงทุนเองก็เช่นกัน หลากหลายกองทุนมักจะกล่าวอ้างถึงการให้ความสำคัญต่อการใช้ ESG เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเลือกลงทุนแต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากกองทุนทั่วไปมากนัก

สาเหตุส่วนหนึ่งที่หุ้นในกลุ่มบริษัทที่เน้นด้าน ESG โดยมากมักอยู่ในกลุ่มหรือเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตเนื่องจากสามารถช่วยหรือหาวิธีการแก้ไขให้กับบริษัทต่างๆ ในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับกระบวนการเพื่อลดการใช้พลังงานจากน้ำมันหรืออะไรก็ตามที่ส่งผลลบต่อสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นราคาหุ้นของบริษัทลักษณะนี้จึงได้รับปัจจัยลบเชิง sentiment จากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีที่เน้นการเติบโตอื่นๆ ไม่ได้เป็นเพราะตัวกลยุทธ์แต่อย่างใด เรายังคงเชื่อว่าข้อวิพากษ์ที่เกี่ยวกับ ESG ในช่วงที่ผ่านมานั้นมากเกินไปและการปรับตัวลงนั้นกลับเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากกระแสที่เข้ามาอย่างมากเกินไป (Hype) ต้องมีการปรับตัวลง ณ จุดหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอในวัฏจักรของราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมากเกินไป

เรายังคงเชื่อว่าการลงทุนในธีม ESG ยังคงมีความน่าสนใจและโอกาสอีกมาก และเรายังคงให้ความสำคัญต่อกระบวนการคัดเลือกการลงทุนโดยเรามองว่า ESG นั้นเป็นชุดเครื่องมือไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งชุดเครื่องมือนั้นก็ต้องมีการใช้งานที่เหมาะสมจึงจะส่งผลต่อผลลัพธ์ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการใช้ ESG เป็นเครื่องมือในการคัดเลือกการลงทุนทำให้เราสามารถประเมินและเข้าใจโครงสร้างและการเติบโตของบริษัท พฤติกรรมหรือการตอบสนองของบริษัท ซึ่งจะส่งผลต่อผลการดำเนินงานในท้ายที่สุด

แต่การจะใช้เพียงคะแนน ESG score หรือเรตติ้งเพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากนัก นักลงทุนควรจะเข้าไปดูในรายละเอียดด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ESG เพิ่มเติม นอกจากนี้เราสามารถแบ่งธีมการลงทุนใน ESG ที่สำคัญนอกเหนือจากเพียงแค่เกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้ง่ายต่อการปรับพอร์ตหรือประยุกต์ใช้ ตามความต้องการหรือจุดยืนของนักลงทุนเองที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ เช่น ด้านสภาพอากาศ (Climate) ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) การกำกับดูแล (Governance) และประเด็นด้านสังคม (Social matter)

ทั้งนี้ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศนั้นยังมีความน่าสนใจมากที่สุด จากข้อมูลวิจัยของ McKinsey1 พบว่าการปรับเปลี่ยนไปสู่  net zero emission นั้นจะช่วยธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจะมียอดขายมากกว่า 9-12 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ภายในปี 2030  

 สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ยังคงให้น้ำหนักในธีม The future of mobility, Transportation และ Future of energy  ทำให้เรามองว่าการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของ ESG แต่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเฟสถัดไปที่เราจะเห็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะลงทุนควรติดต่อเพื่อสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพื่อศึกษารายละเอียดและเฟ้นหาการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน

หมายเหตุ :อ้างอิง 1. https://www.mckinsey.com/business-functions/sustainability/our-insights/playing-offense-to-create-value-in-the-net-zero-transition