ประเทศไทย มีแต่คนประเภท NATO

เพื่อนคนหนึ่งเป็นคนขี้รำคาญคนพูดมาก โดยเฉพาะนักการเมือง ผมจึงเตือนว่าอย่าได้แสดงความเห็นอะไร ในที่สาธารณะ
เพราะอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเขา
เขาบอกว่าไม่กลัว เพราะประเทศไทยมีแต่คนประเภท NATO
ครั้งแรกที่ผมฟังก็งุนงงอยู่ นึกว่าแกกำลังจะวิเคราะห์การเมืองการทหารระหว่างประเทศให้ผมฟัง เพราะ NATO นั้น ย่อมาจาก North Atlantic Treaty Organization หรือ “องค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ” ซึ่งเป็นกลไกทางความมั่นคงของประเทศตะวันตก มีมะกันเป็นพี่เบิ้มใหญ่อยู่นั่นแหละ
เพื่อนผมบอกว่า ผมเลอะเทอะ แกไม่ได้พูดถึงการเมืองระหว่างประเทศ แต่คำย่อ NATO ขณะนี้ "เฟื่องฟู" มาก ใครต่อใครเขาก็ใช้เอามาพูดกันจนเกร่อไปหมด ผมไปดักดานอยู่ที่ไหนมาหรืออย่างไร?
ผมสารภาพกับแกว่า สำหรับผม NATO มีความหมายเดียว ไม่รู้ว่ามันงอกความหมายอย่างอื่นออกมาได้
เพื่อนจึงแสดงความสงสาร และเห็นใจว่า บอกว่า NATO วันนี้ในเมืองไทยมีความหมายว่า No Action, Talk Only
แปลตรงตัวว่าไม่มีการกระทำ มีแต่พูดอย่างเดียว
ผมได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ถึงบางอ้อ...เออ จริงของเขา "นาโต" นี่สามารถส่งความหมายที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม
ผมบอกว่าสังคมไทยเป็น NATO จริงๆ ใช่ไหม? เพื่อนบอกว่าใช่ สังคมไทยวันนี้มีแต่คนพูด ไม่มีคนฟัง และคนพูดก็ได้แต่พูด แต่ไม่ทำอย่างที่พูด
ผมบอกว่า บางทีปรากฏการณ์อย่างนี้ อาจจะมาจากความเชื่อของสังคมไทยวันนี้ ที่ว่า ใครพูดเก่งก็ชนะแล้ว ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คนไทยวันนี้ไม่พิสูจน์กันด้วยการกระทำ แต่ตัดสินกันว่าใครคุยให้ชาวบ้านเชื่อได้มากกว่า
“มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง...” เพื่อนบอกด้วยความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
แกบอกต่อว่า การเมืองไทยส่งเสริมให้คนพูดเก่งเข้าไปเล่น คนทำงานเป็นกลับไม่ค่อยอยากจะเข้าไปในแวดวงการเมือง “เพราะเถียงแพ้เขา” อะไรทำนองนั้น
ผมบอกว่า แนวโน้มอย่างนั้นเป็นอันตราย เราไม่ควรจะให้คนพูดเก่งแต่ทำไม่เป็น มีตำแหน่งแห่งหนสูงกว่าคนทำงานเป็นแต่ไม่พูด
เพราะหากว่าสังคมไทยยังเป็นอย่างที่เห็นอยู่ คือ “คนพูดไม่ทำ...คนทำไม่พูด”
หรือคนที่พูดเป็นต่อยหอยนั้น ลงท้ายพอให้ทำตามที่คุยโม้โอ้อวดไว้ก็จะหลบหนีไป ไม่ทำอะไรให้ปรากฏเป็นผลงาน หรือไม่ก็ใช้น้ำลายเป็นผลงาน
ทางออกคืออะไร?
เพื่อนคนเดียวกันนั้นยิ้มให้ผม พร้อมกับบอกว่า “ผมมีวิธีการจัดการกับพวก NATO แล้ว...ผมจะใช้ SUMO สู้กับมัน”
ผมก็เริ่มงงอีกครั้ง เพราะ "ซูโม่" เป็นศิลป์อันเลื่องลือของญี่ปุ่นก็จริง แต่การจะเอานักมวยปล้ำมาซัดคนไทยที่พูดมากแต่ทำน้อยนั้นอาจจะเสี่ยงกับการถูกฟ้องว่าทำร้ายร่างกาย หรือพยายามฆ่าพวกนักการเมืองที่ดีแต่พูดก็เป็นได้
ผมเตือนเพื่อนคนนี้ว่าอย่าได้คิดอะไรที่เป็นอันตรายขนาดนั้นเลย หากจะเตือนพวกขี้โม้ แต่ไม่ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวก็ควรจะใช้วิธีอื่นจะดีกว่า... ใช้มวยไทยก็ยังน่าจะปลอดภัยกว่าซูโม่กระมัง?
แกหัวเราะดังลั่น บอกว่า SUMO ของแกนั้นไม่ได้หมายถึงมวยปล้ำจากแดนอาทิตย์อุทัย และไม่เกี่ยวกับการใช้กำลังเพื่อปราบพวกน้ำลายแตกฟองในเวทีการเมือง หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันอย่างที่ผมกลัว
SUMO ของแกย่อมาจาก Shut Up! and Move on
ผมหัวเราะหงายหลังตกเก้าอี้ต่อหน้าต่อตาเพื่อนคนนี้...เพราะได้ยินแล้วก็โดนใจผมทันที
แกแปลให้ฟังว่า SUMO คือ การบอกกับพวก NATO ว่า “หุบปากของแกเสีย...แล้วทำอะไรบางอย่างเสียบ้าง!”
ผมถามเขาว่าไปได้วลีอันไพเราะเหมาะกับสมัยนี้มาจากไหนหรือ?
เพื่อนบอกว่าวันหนึ่งนั่งดูรายการทีวี เห็นซูโม่กำลังพันตูกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน แต่นักต่อสู้ทั้งสองไม่เอ่ยเอื้อนอะไรออกมา แม้ว่าบางจังหวะจะถูกอัดเสียจนหมดท่า
“นักสู้ที่แท้จริงเขาไม่พูดพล่ามทำเพลง, เขาลงมือทำงานอย่างจริงจังและจะชนะหรือแพ้ก็ตัดสินกันบนเวทีนั่นแหละ...ต่อหน้าต่อตาคนดูทั้งหลายที่ตัดสินว่าใครชนะหรือแพ้ด้วยการลงมือต่อสู้ ไม่ใช่ด้วยการร่ายรำหรือคุยโวโม้พล่ามแต่อย่างไร
อีกทั้งคำว่า SUMO นั้น แม้จะมีรากมาจากภาษาญี่ปุ่น แต่พอเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็สามารถจะแปลงจากตัวย่อออกมาได้ความหมายที่ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
ดีมาก ผมบอกเพื่อน ต่อไปนี้ถ้าเจอใครพูดมาก พูดเลอะเทอะ พูดเอาแต่ได้ พูดไม่เข้าหูชาวบ้าน พูดน้ำไหลไฟดับ พูดสักแต่ว่าให้ได้พูด โดยไม่ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลย...ผมก็จะกระซิบเบาๆ ว่า "NATO"
ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้คนที่พูดนั้นได้รู้ว่าเขาพูดอย่างเดียว ไม่ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว กรุณารับทราบความรู้สึกของคนอื่นไว้ด้วย
“และถ้าไอ้หมอนั่นยังพล่ามต่อ คุณก็อย่าได้เกรงใจที่จะตะโกนดังๆ ให้ได้ยินไปทั่วว่า SUMO! นะ (เว้ย)...” เพื่อนผมยุ
ผมรับปากเขาว่าต่อไปนี้ จะไม่ยอมแค่บอกใครว่าเขาเป็น NATO แต่จะแถมด้วย SUMO!
ถ้าเขาคนนั้นยิ้มอยู่ได้ ก็แปลว่าเขาไม่รู้ความหมาย...ผมก็จะได้ส่งกระดาษที่มีคำเต็มของสองวลีนี้ให้
ถ้าเขาทำหน้าบึ้งตึง แสดงว่าเขาเข้าใจ...ผมก็จะได้เตรียมวิ่งหนีให้ทันก่อนที่จะถูกเตะ
หรือไม่ผมก็ต้องไปฝึกวิชาซูโม่จริงๆ ตั้งรับเอาไว้เหมือนกัน







