ตั้งวงเสวนากับอาคันตุกะ จากเมืองเก่าแก่ ‘ลั่วหยาง’

ตั้งวงเสวนากับอาคันตุกะ จากเมืองเก่าแก่ ‘ลั่วหยาง’

คุณหวัง ลี่หลิน รองนายกเทศมนตรีเมือง “ลั่วหยาง” (洛阳) ในมณฑลเหอหนาน ทางตะวันตกของจีน มาเยือนไทยเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมา

เป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่ประกาศว่า จะยึดไทยเป็น “โมเดล” บริหารการท่องเที่ยวและจัดการเมืองเก่า

เจ้าภาพต้อนรับขับสู้คณะผู้มาเยือนครั้งนี้คือ คุณธนากร เสรีบุรี, รองประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี, ซึ่งกำลังสร้างศูนย์ธุรกิจยักษ์กินเนื้อที่ทั้งหมดถึง 1 ล้านตารางเมตรกลางเมืองลั่วหยาง

ผมสนใจว่า เมืองจีนกำลังจะเดินแผนดึงนักท่องเที่ยวจากอาเซียนและไทยอย่างไร จึงไปตั้งวงสนทนากับ “ท่านรองหวัง” และคุณธนากร วันก่อน

ได้แนวคิดและวิธีการบริหารจากนักบริหารระดับเมืองใหญ่ 6.8 ล้านคนที่เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหญ่ และมีแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ เช่นวัดม้าขาว, สุสานกวนอู และถ้ำแกะสลักหินประตูมังกร อันเลื่องลือ

อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคนและกำลังจะเชิญชวนให้คนจากอาเซียนไปท่องเที่ยวให้คึกคักกว่าที่เป็นอยู่

ลั่วหยาง เป็นเมืองเก่าแก่ของจีน มีอายุกว่า 1,500 ปี มีกษัตริย์หรือฮ่องเต้เคยประทับอยู่เมืองนี้กว่า 105 พระองค์ ทั้งราชวงศ์ถังและฮั่น

นอกจากรักษาความเป็นเมืองเก่า เขาก็สร้าง “เมืองใหม่” กว้างขวางถึง 500 ตารางกิโลเมตร (เนื้อที่พอ ๆ กับเกาะสิงคโปร์) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้า

เครือซีพีของไทยมีโรงงานมอเตอร์ไซค์อยู่ที่นี่ สามารถผลิต (รวมกับโรงงานที่กวงโจว) ปีละ 1.6 ล้านคัน และได้รับอนุญาตจากฝ่ายบริหารของเมืองนี้ให้สร้างศูนย์การค้าและธุรกิจใหญ่ยักษ์ Super Brand Mall หนึ่งล้านตารางเมตรถึงรวมถึงศูนย์การค้า 140,000 ตารางเมตร, ชอปปิงมอลล์ 170,000 ตารางเมตร, ตึกสูงสำนักงาน 250,000 ตารางเมตร (58 ชั้น 2 ตึก) และที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียม

เงินลงทุนประเมินว่าจะตกราว 5,000 ล้านหยวน (25,000 ล้านบาท) ทยอยลง 6 ปี ไม่รวมการลงทุนต่อยอดเช่นชอบปิงมอลล์เป็นต้น

คุณธนากร เล่าว่า การได้ที่ผืนนี้มาเป็นผลจากการที่กลุ่มซีพีได้เข้าไปลงทุนในลั่วหยาง มายาวนานและได้แสดงความจริงใจและจริงจังในการร่วมพัฒนากับรัฐบาลท้องถิ่น

“ผมทึ่งมากกับการที่เมืองจีนวันนี้มีเทคโนโลยีการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เขาสามารถสร้างคอนโดฯเดือนหนึ่ง 4 ชั้น เพราะมีอุปกรณ์ทันสมัยพร้อม และมีซีเมนต์ประเภทแห้งเร็วพิเศษอย่างดี” คุณธนากร บอกผมระหว่างสนทนากับรองนายกเทศมนตรีลั่วหยาง อย่างสนิทสนมเพราะคบหากันมาช้านาน

คุณหวัง ลี่หลิน พูดจาสนุก, ตรงไปตรงมา, และมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างกัน
“ผมเห็นโอกาสมหาศาลสำหรับความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียน เพราะเรามีวัฒนธรรมเอเซียที่ละม้ายคล้ายกัน” เขาบอก

ผมถามคุณหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร แกตอบอย่างฉาดฉานว่า

“สำหรับจีนแล้ว การเมืองและวัฒนธรรมมีความเกี่ยวโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยิ่ง คนตะวันตกอาจจะไม่เข้าใจรูปแบบของเรา คนจีนขยัน, รักชาติ, ใจกว้าง, ให้อภัย...เราให้ราชการเป็นฝ่ายนำ และเมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจ, เราก็แก้ไข ไม่ปล่อยไปตามยถากรรม...ผมมีความมั่นใจในอนาคตของเศรษฐกิจจีนมาก ขอเพียงแต่อย่าให้มีปัญหาการเมืองเท่านั้น...แน่นอนว่าในภาวะที่เติบโตอย่างรวดเร็ว, เราก็อาจเจอปัญหาชะงักงันบ้างเป็นช่วง ๆ และเราก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ”

ในฐานะเป็นผู้อำนวยการของ “เมืองใหม่” ลั่วหยาง อีกตำแหน่งหนึ่ง, คุณหวัง เป็นนักบริหารรุ่นใหม่ของจีนที่น่าสนใจเป็นพิเศษเพราะมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวด้วย
สนทนากับอย่างออกรสชาติแล้ว แกก็ลงมือวาดภาพด้วยหมึกดำคลาสสิกของจีนให้ผู้ร่วมวงได้เห็นฝีมืออย่างน่าทึ่ง

นอกจากจะวาดภาพธรรมชาติกับดอกบัวให้เจ้าของบ้านอย่างคุณธนากรแล้ว, ก็ยังเขียนตัวหนังสือเป็นภาษิตจีนโบราณให้ผมดั่งที่เห็นอยู่นี้

ข้อความที่เขียนด้วยพู่กันจีนที่เห็นอยู่นี้ คุณหวังอธิบายความหมายว่า

“ดั่งท่านได้ขึ้นสู่สูงสุดแล้วก็เป็นเช่นสายน้ำที่ไหลลงสู่เบื้องล่างเปี่ยมด้วยเมตตาและสมานฉันท์”
ลุ่มลึก, สดใสและจริงใจ